นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า นายมาซาอากิ ชิรากาว่า ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจจะถูกสถานการณ์ปัจจุบันบีบให้ใช้มาตรการเชิงรุกมากขึ้น เพื่อบรรเทาปัญหาการขอสินเชื่อในกลุ่มบริษัทเอกชน โดยแบงค์ชาติญี่ปุ่นอาจจะขยายขอบเขตในการเปิดรับตราสารหนี้ของบริษัทเอกชนที่ถูกจัดอันดับให้อยู่ในระดับต่ำกว่าที่จะมีการนำมาใช้เป็นเงินกู้แก่ธนาคารพาณิชย์ด้วยการซื้อตราสารหนี้ดังกล่าว ในขณะที่ธนาคารต่างๆกลับไม่สนใจกับความพยายามที่จะปรับปรุงระบบการปล่อยเงินกู้ให้กับภาคธุรกิจของบีโอเจแต่อย่างใด
บลูมเบิร์กรายงานว่า จุงโกะ นิชิโอกะ นักเศรษฐศาสตร์ของบล.อาร์บีเอส กล่าวว่า ความพยายามครั้งล่าสุดของบีโอเจเพื่อช่วยเรื่องการระดมเงินทุนแก่บริษัทเอกชนนั้น กลับกลายเป็นว่ามาตรการดังกล่าวยังไม่สามารถแก้บรรเทาสถานการณ์ขาดแคลนเงินทุนได้ ด้วยเหตุนี้ บีโอเจอาจจะอยู่ภายใต้แรงกดดันเพื่อซื้อตราสารหนี้ หรือแม้กระทั่งลดดอกเบี้ยลงมากกว่านี้
เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา ธนาคารกลางญี่ปุ่นเปิดเผยว่า จะมาตรการฉุกเฉินเพิ่มขึ้นเพื่อพยุงและรับซื้อสินทรัพย์ค้ำประกัน (collateral) อัตราดอกเบี้ยต่ำของสถาบันการเงินภายในประเทศ โดยมาตรการดังกล่าวครอบคลุมถึงการช่วยเหลือสถาบันการเงินให้สามารถระดมทุนได้ง่ายขึ้น เพื่อให้สามารถนำเงินทุนไปประกอบกิจการได้ต่อไป หลังจากภาคเอกชนญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจาก วิกฤตการณ์การเงินที่ลุกลามไปทั่วโลก
นอกจากนี้ การดำเนินการของบีโอเจยังไม่สามารถลดต้นทุนการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าธนาคารจะได้ลดดอกเบี้ยไปแล้วจนเหลืออัตราดอกเบี้ยที่ 0.3% เมื่อวันที่ 31 ต.ค.แล้วก็ตาม