อดีตที่ปรึกษาธนาคารกลางจีนเชื่อจีนไม่มีแนวโน้มที่จะใช้นโยบายเงินหยวนอ่อนค่า เนื่องจากรัฐบาลจีนต้องการกระตุ้นความต้องการภายในประเทศมากกว่าอุดหนุนธุรกิจส่งออกเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ
บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาซื้อขายล่วงหน้าระยะเวลา 12 เดือนปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่สอง ขณะที่เทรดเดอร์ได้ลดคาดการณ์เรื่องการลดค่าเงินหยวน หลังจากที่จีนได้แจ้งกับนายเฮนรี พอลสัน รัฐมนตรีคลังสหรัฐในการประชุมร่วมกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จีนจะดูแลเงินหยวนให้อยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารกลางจีนได้เปิดทางให้เงินหยวนอ่อนค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ที่ได้ยกเลิกการผูกติดเงินหยวนกับดอลลาร์เมื่อปี 2548 ส่งผลให้เกิดการคาดการณ์ตามมาถึงเรื่องการใช้นโยบายเงินหยวนอ่อนค่า
หยู ยงติง อดีตที่ปรึกษาธนาคารกลางจีน กล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จีนจะเปลี่ยนนโยบาย โดยภาคการส่งออกน่าจะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลด้วยการใช้วิธีการอื่นๆแทนที่จะเป็นการลดค่าเงินหยวนเพียงอย่างเดียว เนื่องจากจีนสนใจผลประโยชน์ในระยะยาวมากกว่าระยะสั้น นอกจากนี้ จีนควรที่จะกระตุ้นความต้องการภายในประเทศ หลังจากที่เศรษฐกิจขยายตัว 9% ในไตรมาส 3 ซึ่งถือเป็นอัตราการขยายตัวที่ชะลอตัวมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2546 ส่งผลให้ธนาคารกลางจีนลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่ในรอบ 11 ปี และยังประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 5.86 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อกระตุ้นความต้องการภายในประเทศ
เงินหยวนซื้อขายอยู่ที่ 6.8817 ดอลลาร์ต่อหยวนในตลาดเซี่ยงไฮ้ เมื่อเวลา 11.26 น.ตามเวลาในจีน เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ที่ 6.8812 ดอลลาร์ต่อหยวน ลดลงไป 0.7% ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.เป็นต้นมา
การที่เงินหยวนแข็งค่าขึ้น 20% นับตั้งแต่ที่จีนได้ยกเลิกการผูกติดเงินหยวนกับดอลลาร์ส่งผลกระทบต่อกำไรของกลุ่มส่งออก และยังทำให้โรงงานผลิตของเล่นขนาดเล็กของจีนต้องปิดทำการไปถึง 2 ใน 3 ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้
หยูกล่าวว่า จริงอยู่ที่นักลงทุนจีนพอใจที่เห็นเงินหยวนอ่อนค่า แต่เงินหยวนที่อ่อนค่าจะช่วยแก้ปัญหาได้เพียงชั่วคราว และเขาไม่คิดว่าการอ่อนค่าของเงินหยวนจะช่วยเรื่องการเกินดุลการค้าของจีนได้มากนัก และที่สำคัญ จีนน่าจะพอใจที่ได้ให้เห็นยอดบัญชีการค้าที่มีความสมดุลมากขึ้น