เวียดนามซึ่งเป็นผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่ของโลกรองจากบราซิล ได้เปิดตัวตลาดซื้อขายล่วงหน้าแห่งแรกในประเทศ เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้ปลูกกาแฟในประเทศมีอำนาจในการต่อรองเรื่องการตั้งราคาเมล็ดกาแฟ และช่วยผลักดันเวียดนามให้มีความสามารถในการกระตุ้นการส่งออกกาแฟมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์
ธนาคารเวียดนาม เทคโนโลจิคอล แอนด์ คอมเมอร์เชียล จอยท์-สต็อค แบงค์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 7 ของเวียดนาม ได้ร่วมมือกับดัค ดัค พีเพิล คอมมิตตี และไทย ฮัว จอยท์ สต็อค บริษัทเทรดเดอร์ เพื่อเปิดให้บริการวันนี้ที่เมืองบวน มา เตา เมืองหลวงของจังหวัดดัค ลัค ซึ่งเป็นแหล่งปลูกกาแฟชั้นนำของเวียดนาม
บลูมเบิร์กรายงานว่า กลุ่มความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยให้เวียดนามสามารถสร้างความมั่นใจให้กับเกษตรกรในตลาด และรับประกันว่าจะมีกาแฟในปริมาณที่เพียงพอต่อการส่งออก ด้านนายกรัฐมนตรีเหงียน ตัน ดุง ของเวียดนาม กำลังพยายามเพิ่มการส่งออกเพื่อรับมือกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง นับตั้งแต่ปี 2542
ฮุน กง คอย วี เทรดเดอร์ของบริษัท โอแลม อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้จัดส่งกาแฟโรบัสต้ารายใหญ่สุดของโลก กล่าวว่า การเปิดตลาดซื้อขายล่วงหน้ากาแฟในเวียดนามจะช่วยให้เวียดนามสามารถตั้งราคาได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น
ราคากาแฟโรบัสต้า ซึ่งมีรสชาติขมกว่าและนิยมนำไปใช้ผลิตเป็นกาแฟสำเร็จรูปนั้น ปรับตัวลงไปแล้ว 24% นับตั้งแต่ช่วงสิ้นเดือนมิ.ย. เวียดนามเป็นประเทศผู้ส่งออกกาแฟโรบัสต้ารายใหญ่สุดของโลก โดยราคาปิดที่ตลาดกาแฟลอนดอนเมื่อวานนี้อยู่ที่ 1,887 ดอลลาร์ต่อเมตริคตัน
ปัจจุบัน เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟของเวียดนามต้องส่งกาแฟให้กับคนกลาง ซึ่งมีสถานที่กักเก็บกาแฟและขายเมล็ดกาแฟให้กับบริษัทเทรดดิ้ง กลุ่มนักเก็งกำไร และผู้ประกอบการภายในประเทศระดับท้องถิ่นและต่างประเทศ ดังนั้น การที่มีตลาดแลกเปลี่ยนซึ่งมีคลังเก็บเมล็ดกาแฟเองนั้น จะทำให้เวียดนามทำหน้าที่คนกลางได้อย่างสมบูรณ์
ทั้งนี้ คาดว่า เวียดนามจะนำกาแฟในสัดส่วน 40% ของปริมาณกาแฟ 1 ล้านตันที่เวียดนามขายในตลาดโลก มาซื้อขายในตลาดแลกเปลี่ยน และคาดว่า จะสามารถเปิดซื้อขายล่วงหน้าได้ในช่วง 6-12 เดือน