โพลล์เผยชาวอเมริกันวางแผนช็อปของขวัญเทศกาลน้อยลงหลังศก.ถดถอย

โพลล์ล่าสุดของบลูมเบิร์กและลอสแองเจลิส ไทม์ส คาดว่า ชาวอเมริกันเกือบครึ่งหนึ่งวางแผนลดการใช้จ่ายลงในช่วงเทศกาลวันหยุดนี้ โดยชาวอเมริกัน 1 ใน 4 กล่าวว่า จะใช้จ่ายเงินซื้อของขวัญน้อยลงกว่าปีที่แล้ว โดยผู้บริโภคพร้อมที่จะลดการใช้จ่ายในส่วนที่ไม่จำเป็น และเก็บเงินมากขึ้น เนื่องจากรายได้เท่าเดิมและค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ขณะมีเพียง 1 ใน 10 รายเท่านั้นที่วางแผนเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาล

เรย์มอนด์ คราซินสกี ชาวอเมริกันอายุ 44 ปี จากรัฐฟลอริด้า กล่าวว่า คริสต์มาสนี้เขาคงจะต้องส่งการ์ดอวยพรให้กับเพื่อนๆและครอบครัวแทนของขวัญ นอกจากนี้ เขาอาจขายเครื่องบินเพราะไม่สามารถจ่ายค่าธรรมเนียมการใช้งานโรงเก็บเครื่องบินต่อไปได้

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคเดือนต.ค.ว่า ร่วงลง 1% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2544 ส่วนกลุ่มธุรกิจค้าปลีกที่คาดว่าจะต้องเผชิญกับฤดูกาลช็อปปิ้งที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 40 ปี กำลังพยายามที่จะดึงดูดลูกค้าด้วยการลดราคาสินค้า อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ร่วงลงอย่างหนักนี้คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อไปอีกนาน เนื่องจากราคาบ้านร่วงลงและจำนวนคนว่างงานก็เพิ่มขึ้น

ไนเจล โกลท์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของโกลบอล อินไซท์ กล่าวว่า ธุรกิจค้าปลีกคาดว่าจะย่ำแย่ลงที่สุด โดยจะมีการขายและขนส่งสินค้าน้อยลง ซึ่งถือเป็นข่าวร้ายสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลก

แผนการลดการใช้จ่ายช่วงเทศกาลวันหยุดนี้เห็นได้ชัดเจนในกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามที่มีรายได้ต่ำ โดยครัวเรือนส่วนใหญ่ที่มีรายได้ต่อปีต่ำกว่า 40,000 ดอลลาร์ วางแผนซื้อของน้อยลงในช่วงเทศกาลปีนี้ ขณะที่ครึ่งหนึ่งของครัวเรือนที่มีรายได้ในช่วง 40,000 - 100,000 ดอลลาร์ ก็วางแผนลดการใช้จ่ายลงเช่นกัน และ 1 ใน 3 ของครัวเรือนที่มีรายได้มากกว่า 100,000 ดอลลาร์ คาดว่าจะลดการใช้จ่ายช่วงเทศกาลลง

ความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจเป็นสาเหตุที่ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่อธิบายว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้วางแผนลดการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลลง ผู้ตอบแบบสอบถามบางส่วนระบุว่า วางแผนลดการใช้จ่ายด้วยการหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าลดราคา ขณะที่ประชาชนที่มีรายได้ลดลงหรือค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในพื้นที่ส่วนอื่นๆได้กำหนดวงเงินสำหรับการซื้อของขวัญน้อยลงเช่นกัน