สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดว่า ความต้องการน้ำมันทั่วโลกปีนี้จะลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2536 และยังได้ปรับลดแนวโน้มของความต้องการในปีหน้าลงด้วยเช่นกัน
IEA ระบุว่า ปริมาณการใช้น้ำมันทั่วโลกจะหดตัวลง 200,000 บาร์เรลต่อวันในปีนี้ หรือคิดเป็นสัดส่วน 0.2% โดยดีมานด์ที่ลดลงจะเกิดขึ้นในประเทศที่พัฒนาแล้วในกลุ่มประเทศสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) ซึ่งคาดว่าปริมาณการใช้น้ำมันจะร่วงลงไป 3.3% ส่วนการบริโภคน้ำมันในปีหน้าคาดว่าจะทรงตัว หากว่าเศรษฐกิจยังคงถดถอยไปมากกว่านี้
บลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาน้ำมันดิ่งลงไปแล้วกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากระดับสูงเป็นประวัติการณ์เมื่อเดือนก.ค. เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่นถดถอยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐมนตรีในกลุ่มโอเปคเคยกล่าวไว้ว่า โอเปคมีแนวโน้มลดการผลิตน้ำมันลงในการประชุมวันที่ 17 ธันวาคมที่ไนจีเรีย เพื่อกระตุ้นราคาน้ำมัน
เดวิด ฟิฟ หัวหน้าฝ่ายตลาดและอุตสาหกรรมน้ำมันของ IEA กล่าวว่า เห็นได้ชัดว่าความต้องการน้ำมันในประเทศกลุ่มโออีซีดีลดลงในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ด้วยเหตุนี้ จึงมีแนวโน้มว่าโอเปคจะลดการผลิตน้ำมันเป็นปริมาณมากในการประชุมครั้งหน้า
ทั้งนี้ ไออีเอได้ลดประมาณการณ์น้ำมันปีนี้ลง 350,000 บาร์เรลต่อวัน หรือ 0.4% เหลือ 85.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังจากที่ไอเอ็มเอฟได้ออกคาดการณ์เศรษฐกิจที่อ่อนตัว และในไตรมาส 4 ปีนี้ ความต้องการน้ำมันคาดว่าจะหดตัวลง 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือ 1.8% ส่วนการใช้น้ำมันทั่วโลกคาดว่า จะเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรลต่อวัน หรือ 0.5% ในปีหน้า เหลือ 86.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน