นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)กล่าวว่า ในปี 52 ฐานะของธนาคารพาณิชย์อาจจะถูกแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวลดลงมาก การเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ทำให้กำไรของธนาคารพาณิชย์ชะลอลง ขณะที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยลดลงจะช่วยลดปัญหาหนี้ด้อยคุณภาพ(NPL)ที่เกิดขึ้นใหม่ได้ในปีหน้า เป็นผลดีต่อผู้บริโภค ภาคธุรกิจ และสถาบันการเงิน
ส่วนการที่บริษัทจัดอันดับเครดิตปรับลดเครดิตประเทศไทย ไม่กระทบต่อฐานะของธนาคารของไทย เพราะเป็นเหตุผลจากทางการเมืองไม่ใช่ฐานะของธนาคารพาณิชย์ ปัจจุบัน ฐานะธนาคารพาณิชย์มีความเข้มแข็งมาก BIS สูงถึง 15.7% ขณะที่ NPL ลดลงต่อเนื่อง โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี Gross NPL อยู่ที่ 6% ขณะที่ Net NPL อยู่ที่ 3.3% แม้ว่าจะมีสภาพคล่องตึงตัวบ้างแต่ไม่มีปัญหาต่อระบบ
นายบัณฑิต กล่าวต่อว่า การปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ ธปท.ติดตามและพอใจมาก หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดไปแล้ว ล่าสุดธนาคารพาณิชย์ 14 แห่งได้ลดดอกเบี้ยตามแล้ว ส่วนที่เหลือกำลังพิจารณาอยู่
"คงจะเห็นการปรับลดดอกเบี้ยทั้ง 2 ขาอีกในอาทิตย์หน้า แต่จะลดมากหรือน้อยนขึ้นกับภาวะการแข่งขันและสภาพคล่อง"นายบัณฑิต กล่าว
อย่างไรก็ตาม การปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้มากกว่าเงินฝากจากปัญหาสภาพคล่องหดตัวจะทำให้ธนาคารพาณิชย์มีความระมัดระวังในการปล่อยกู้ ทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยมีโอกาสแคบลง จากปัจจุบัน ณ ก.ย. NIM อยู่ที่ 3.2%
นอกจากนี้ ธปท.ติดตามความสามารถในการชำระคืนของลูกหนี้เป็นรายเดือน พบว่ามีผิดนัดชำระมากขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อบุคคล สินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่ออุปโภคบริโภค แต่ธนาคารพาณิชย์ก็ดูแลอยู่ แม้ว่าอาจกระทบต่อการเติบโตของสินเชื่อโดยรวม ซึ่งสินเชื่อประเภทนี้คงเติบโตไม่ได้มากในปีหน้า จากที่เคยโตสองหลักในช่วงทีผ่านมา
นายบัณฑิต กล่าวว่า ปลายปีนี้ ธปท.จะมีการหารือกับธนาคารพาณิชย์ถึงทิศทางเศรษฐกิจในปีหน้า รวมถึงแผนธุรกิจ และความเสี่ยงต่างๆ และการขยายตัวของสินเชื่อ โดยเป็นหารือปกติ