ยอดค้าปลีกของจีนประจำเดือนพ.ย.ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 9 เดือน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและวิกฤตการเงินทั่วโลกได้บั่นทอนความเชื่อมั่นผู้บริโภคและตัวเลขการใช้จ่าย
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกขยายตัว 20.8% ในเดือนพ.ย. จากระดับในปีก่อนหน้านี้แตะที่ 9.7908 แสนล้านหยวน (1.43 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) หลังจากที่ขยายตัวขึ้น 22% ในเดือนต.ค. แต่ตัวเลขดังกล่าวยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัว 20.5%
โดยจีนจำเป็นต้องกระตุ้นอัตราการบริโภค เนื่องจากการค้าที่ซบเซาจะฉุดรั้งให้เศรษฐกิจจีนทรุดตัวลงตามไปด้วย โดยในสัปดาห์นี้ รัฐบาลได้ให้คำมั่นที่จะปรับลดภาษีและทุ่มเทความพยายามในการสร้างงานใหม่มากขึ้น หลังจากเมื่อเดือนที่ผ่านมาได้ปรับลดดอกเบี้ยลงหนักสุดในรอบ 11 ปี และประกาศใช้แผนกระตุ้นการใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค 4 ล้านล้านหยวน (5.84 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ขณะที่ในปีนี้ ดัชนี CSI 300 ร่วงลง 62% ส่วนราคาบ้านตกต่ำลงอย่างหนัก และการจ้างงานที่ลดลงเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งสถานการณ์การลงทุน ส่วนความเชื่อมั่นผู้บริโภคดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีครึ่งในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จากซีเอฟซี ซีย์มัวร์ ในฮ่องกงกล่าวแสดงความคิดเห็นกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า รัฐบาลจีนจำเป็นต้องใช้มาตรการกระตุ้นรายได้ เช่นการลดภาษี หรือขึ้นเงินเดือนข้าราชการเพื่อกอบกู้วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจที่เลวร้ายในครั้งนี้