แพคเน็ต ผู้ให้บริการเคเบิลใต้น้ำรายใหญ่สุดของเอเชีย เลื่อนแผนการนำหุ้นออกขายต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก หรือ ไอพีโอ ออกไปอย่างน้อยหนึ่งปี ขณะเดียวกันบริษัทก็มีแผนที่จะซื้อหุ้นบริษัทหลายแห่ง เนื่องจากมูลค่าหุ้นทั่วโลกที่ดิ่งลงท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอย
บิล บาร์นีย์ ซีอีโอของแพคเน็ตกล่าวกับบลูมเบิร์กว่า แพคเน็ตได้เตรียมการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็นมูลค่าสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์ แต่ตลาดผันผวนมากในตอนนี้ ดังนั้นบริษัทจึงเล็งเห็นว่าไตรมาสสี่ปีหน้า หรือหลังจากนั้น น่าจะเป็นช่วงเวลาที่สมควรกว่าสำหรับการขายหุ้น
ทั้งนี้ แพคเน็ตนับเป็นบริษัทล่าสุดที่ตัดสินใจเลื่อนแผนการขายหุ้นออกไป เช่นเดียวกับ โวดาโฟน กรุ๊ป และ แควนตัส แอร์เวย์ส เนื่องจากวิกฤตสินเชื่อส่งผลให้มูลค่าหุ้นหดหายไปถึง 30 ล้านล้านดอลลาร์ หรือ 49% ของมูลค่าหุ้นทั่วโลกปีนี้ โดยแพคเน็ต ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในฮ่องกง กล่าวว่า บริษัทอยู่ในระหว่างการประเมินความเป็นไปได้ในการซื้อหุ้นบริษัทอื่นๆ เนื่องจากเศรษฐกิจขาลงได้กดให้ราคาหุ้นตกต่ำลง ซึ่งแพคเน็ตมองว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะเข้าซื้อหุ้นที่กำลังมีราคาถูก
บาร์นีย์กล่าวว่า แนสแด็คเป็นหนึ่งในตลาดที่บริษัทพิจารณาจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียน โดยแพคเน็ตมีแผนการเบื้องต้นที่จะเพิ่มทุน 500 - 1,000 ล้านดอลลาร์ ผ่านทางการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในแนสแด็คไตรมาสนี้ แต่ตัดสินใจเลื่อนออกไปด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น
บาร์นีย์กล่าวด้วยว่า บริษัทพิจารณาที่จะซื้อหุ้นบริษัทสื่อสารทั้งในออสเตรเลีย ญี่ปุ่น จีน และอินเดีย แต่บริษัทที่แพคเน็ตสนใจจะเข้าซื้อหุ้นมากเป็นพิเศษในเวลานี้ ได้แก่ AAPT Ltd. ซึ่งเป็นธุรกิจในออสเตรเลียของบริษัทเทเลคอม คอร์ป สัญชาตินิวซีแลนด์ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่ได้ยื่นข้อเสนอต่อ AAPT อย่างเป็นทางการ