สำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) และไครสเลอร์ สองค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ อาจล้มละลายภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า หลังจากวุฒิสภาสหรัฐมีมติคว่ำแผนช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์มูลค่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ และทางออกที่จะช่วยให้บริษัททั้งสองแห่งรอดพ้นจากการล้มละลาย แทบจะไม่มีในเวลานี้
วุฒิสภาสหรัฐมีมติไม่สนับสนุนแผนการให้ความช่วยเหลือบริษัทผลิตรถยนต์ในสหรัฐมูลค่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ด้วยคะแนนเพียง 52-35 แม้สภาผู้แทนราษฎสหรัฐมีมติผ่านแผนการดังกล่าวด้วยการลงคะแนนเสียง 237-170 ไปก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม จึงทำให้ความพยายามของสภาคองเกรสที่จะช่วยเหลือจีเอ็มและไครสเลอร์ จบสิ้นลง และอาจทำให้บริษัทรถยนต์ทั้งสองไม่มีเงินทุนมากพอที่จะดำเนินธุรกิจได้ในช่วงต้นปีหน้า
นายแฮรี รีด ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐได้แสดงความวิตกกังวลว่า "ข่าวดังกล่าวอาจส่งผลกระทบในด้านลบต่อตลาดหุ้นวอลล์สตรีทคืนนี้ ชาวสหรัฐหลายล้านคน ไม่เฉพาะแต่พนักงานบริษัทรถยนต์เท่านั้น แต่รวมถึงดีลเลอร์ขายรถยนต์ และผู้ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ จะได้รับผลกระทบในครั้งนี้ด้วย คริสต์มาสปีนี้คงเป็นปีที่แย่ที่สุดสำหรับคนจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้"
หลังจากทราบผลโหวตในวุฒิสภาได้ไม่นาน จีเอ็มได้ออกแถลงการณ์ว่า "เรารู้สึกผิดหวังอย่างยิ่งที่แผนการให้ความช่วยเหลือมูลค่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ไม่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา แม้สภาผู้แทนราษฎรผ่านร่างดังกล่าวไปเมื่อวานนี้ก็ตาม อย่างไรก็ตาม เราจะหาทางออกในทุกๆด้านเพื่อปรับโครงสร้างองค์กรและจะทำทุกอย่างเพื่อให้บริษัทอยู่รอดได้ในวิกฤติเศรษฐกิจเช่นนี้"
ขณะที่ ลอรี แมคทาวิช โฆษกไครสเลอร์กล่าวว่า "ทางบริษัทรู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรงที่วุฒิสภาไม่สนับสนุนแผนการฉบับนี้ และเราจะยังคงหาทางออกต่อไปเพื่อให้บริษัทอยู่รอดต่อไปได้"
นักวิเคราะห์บลูมเบิร์กมองว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ควรเร่งตัดสินใจว่าจะปล่อยให้บริษัทรถยนต์เหล่านี้ล้มละลายหรือหาทางออกในด้านอื่นๆ รวมถึงการนำเงินจากงบประมาณฟื้นฟู 7 แสนล้านดอลลาร์ออกมาช่วยเหลือ
นายโทนี่ ฟรัตโต โฆษกวุฒิสภากล่าวว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช จะประเมินทางเลือกในหลายๆด้าน หลังจากวุฒิสภาตัดสินใจคว่ำแผนนี้ โดยล่าสุดที่ปรึกษาวุฒิสภาสหรัฐท่านหนึ่งเปิดเผยว่าการหารือเรื่องร่างกฎหมายเพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐในสภาคองเกรสนั้นได้จบลงแล้วในปีนี้ และขณะนี้ "ก็ขึ้นอยู่กับนายเฮนรี่ พอลสัน รมว.คลัง" ว่าจะใช้เงินทุนในโครงการลดสินทรัพย์ที่มีปัญหา (TARP) ของกระทรวงการคลัง เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรม รถยนต์หรือไม่
ด้านศูนย์วิจัยอุตสาหกรรมยานยนต์ของสหรัฐประเมินว่า จะมีคนตกงานทั้งสิ้น 2.5-3.5 ล้านคนในปีหน้าเนื่องจากการล้มละลายของบริษัทรถยนต์