ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดในสัปดาห์หน้า (15-19 ธ.ค.51) เงินบาทในประเทศ(Onshore) อาจเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบประมาณ 34.90-35.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยที่ควรจับตา ประกอบด้วย ปัจจัยการเมืองในประเทศ ทิศทางสกุลเงินในภูมิภาค ตลอดจนทิศทางของเงินดอลลาร์ฯ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการตอบรับของตลาดต่อการประชุม เฟดในวันที่ 15-16 ธ.ค.
และการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ประกอบด้วย ผลสำรวจภาคการผลิตจัดทำโดยเฟดสาขานิวยอร์ก ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจจัดทำโดยเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยจัดทำโดยสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) เดือนธ.ค. ดัชนีราคาผู้บริโภค ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน และการอนุญาตก่อสร้าง ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังผลิต ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจจัดทำโดย Conference Board เดือนพ.ย. ข้อมูลเงินทุนไหลเข้าสุทธิสู่ตลาดการเงินสหรัฐฯ เดือนต.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และข้อมูลดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 3/51
ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเงินบาทในประเทศ แข็งค่าทะลุระดับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ เงินบาทปรับตัวในทิศทางที่แข็งค่าขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่ดีขึ้นของการเมืองในประเทศ นอกจากนี้ เงินบาทยังได้รับแรงหนุนจากความแข็งแกร่งของค่าเงินในภูมิภาค โดยส่วนหนึ่งได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นในเอเชีย ซึ่งสะท้อนถึงการเพิ่มการลงทุนที่มีความเสี่ยง และการลดความต้องการเงินดอลลาร์ฯ ของนักลงทุน หลังจากการประกาศแผนการใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคขนานใหญ่ของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายบารัค โอบามา และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ของธนาคารกลางในหลายประเทศ
สำหรับในวันศุกร์ เงินบาทแข็งค่าทะลุระดับ 35.00 มายืนที่ระดับประมาณ 34.96 (ตลาดเอเชีย) เทียบกับระดับ 35.74 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันพฤหัสบดีก่อนหน้า (4 ธ.ค.)