องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เปิดเผยในรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและการคาดการณ์เศรษฐกิจปีพ.ศ.2553 พร้อมกับเรียกร้องให้ประเทศทั่วโลกเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ และร่วมมือกันเพื่อยับยั้งเศรษฐกิจโลกไม่ให้ถดถอยรุนแรง ซึ่งรวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีความสอดคล้องกันและการพัฒนาเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างยั่งยืน
คณะนักเศรษฐศาสตร์ของยูเอ็นเสนอแนวทางป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจโลกเผชิญภาวะถดถอยซ้ำรอยในอนาคต ซึ่งแนวทางดังกล่าวครอบคลุมถึงการตั้งกฎข้อบังคับสำหรับตลาดการเงินและสถาบันทางการเงินให้เข้มงวดขึ้น อีกทั้งจัดหาสภาพคล่องระหว่างประเทศให้เพียงพอ ปรับโครงสร้างระบบการสำรองเงินระหว่างประเทศ และจัดตั้งระบบธรรมาภิบาลในภาคเศรษฐกิจให้แข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ยูเอ็นคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วจะขยายตัวเพียง 0.5% ในปีพ.ศ.2552 ขณะที่เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาจะขยายตัว 4.6%
ยูเอ็นคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนอาจชะลอตัวลงเนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว โดยคาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลงสู่ระดับ 10% ในปีนี้ จากปีที่แล้วที่ระดับ 11.4% อย่างไรก็ตาม ยูเอ็นคาดว่าเมื่อพิจารณาจากปัจจัยโดยรวมแล้ว เศรษฐกิจจีนยังคงเคลื่อนตัวในทิศทางที่เป็นบวก โดยคาดว่าอัตราลงทุนในสินทรัพย์คงที่จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ ส่วนการอุปโภคบริโภคในภาคเอกชนจะแข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากอัตราค่าแรงที่สูงขึ้นและตลาดหุ้นจีนที่พุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 2 ปีที่แล้ว
ยูเอ็นยังกล่าวด้วยว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนยังคงมีอิทธิพลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกมากขึ้น โดยในปีที่แล้ว อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนคิดเป็นสัดส่วน 17% ของอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของโลก ซึ่งมีสัดส่วนเท่ากับสหรัฐอเมริกา สำนักข่าวซินหัวรายงาน