เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 สัปดาห์เมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า รัฐบาลสหรัฐจะเจียดเงินจากมาตรการกระตุ้นภาคการเงินมาใช้ช่วยเหลืออุตสาหกรรมยานยนต์ของสหรัฐเพียงเล็กน้อย
โดยในวันนี้ เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 13 ปี เมื่อเทียบกับเงินเยนและอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินปอนด์หลังจากที่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ของสหรัฐเปิดเผยว่าจะใช้กองทุนที่แต่เดิมนั้นตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือภาคธนาคารมาช่วยเหลือบริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ คอร์ป และไครสเลอร์ แอลแอลซีให้รอดพ้นจากภาวะล้มละลาย
ด้านเงินเยนอ่อนค่าลงมาจากระดับสูงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ หลังจากที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ได้เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ (ทังกัน) ที่ดิ่งลงหนักสุดในรอบ 34 ปี
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 10.01 น. ตามเวลาโตเกียว เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3442 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับ 1.3369 ยูโร/ดอลลาร์ ขณะเดียวกันเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 90.99 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 91.21 เยน/ดอลลาร์
ด้านเงินยูโรแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 122.35 เยน/ยูโร จากระดับ 121.83 เยน/ยูโร
ฮิเดกิ อามิกุระ นักวิเคราะห์จากโนมูระ ทรัสต์ แอนด์ แบงกิ้งกล่าวว่า "ยังไม่มีปัจจัยใดที่จะทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นได้เมื่อเทียบกับเงินเยน การเจียดงบจากกองทุนภาคการเงินมาใช้ช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมยานยนต์อาจเป็นเม็ดเงินเพียงน้อยนิดเท่านั้น"
ทั้งนี้ คณะทำงานของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ของสหรัฐกล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่าจะพิจารณาใช้เงินจากกองทุนช่วยเหลือภาคการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐมาออกเงินกู้ระยะสั้นให้กับจีเอ็มและไครสเลอร์ หลังจากที่วุฒิสภาได้ปฏิเสธใช้แผนอุ้มอุตสาหกรรมยานยนต์มูลค่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา