ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช แห่งสหรัฐ กล่าวกับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซ วัน ในระหว่างเดินทางจากอิรักไปยังอัฟกานิสถานในวันนี้ว่า เขายังไม่พร้อมที่จะเปิดเผยการตัดสินใจเรื่องแผนให้ความช่วยเหลือบริษัทรถยนต์ในสหรัฐ แต่รัฐบาลจะไม่ทำให้แผนการดังกล่าวยืดเยื้อ เพราะอุตสาหกรรมรถยนต์ตกอยู่ในภาวะเปราะบางมาก
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ประธานาธิบดีบุชมีแนวโน้มที่จะใช้เงินจากมาตรการฟื้นฟูภาคการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์มาใช้กู้วิกฤติบริษัทรถยนต์ภายในประเทศหรือไม่ บุชตอบว่า "มีความเป็นไปได้"
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา วุฒิสภาสหรัฐมีมติไม่อนุมัติแผนการให้ความช่วยเหลือบริษัทผลิตรถยนต์ในสหรัฐมูลค่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ด้วยการโหวตลงคะแนน 52-35 เสียง แม้ก่อนหน้านี้สภาผู้แทนราษฎสหรัฐมีมติผ่านแผนการดังกล่าวด้วยการลงคะแนนเสียง 237-170 ไปก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม ซึ่งการตัดสินใจเช่นนี้อาจทำให้บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) และไครสเลอร์ เสี่ยงที่จะล้มละลาย ขณะที่ศูนย์วิจัยอุตสาหกรรมยานยนต์ของสหรัฐประเมินว่า จะมีคนตกงานทั้งสิ้น 2.5-3.5 ล้านคนในปีหน้าเนื่องจากการล้มละลายของบริษัทรถยนต์"
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ทางทำเนียบขาวจะเปิดเผยทางเลือกใหม่ๆเพื่อช่วยเหลือบริษัทรถยนต์ เพราะเกรงว่าหากรัฐบาลไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ บริษัทรถยนต์อาจเผชิญปัญหาขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรงภายใน 2-3 สัปดาห์ และคาดว่าประธานาธิบดีบุชจะจัดสรรเม็ดเงินจากโครงการลดสินทรัพย์ที่มีปัญหา (TARP) มูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ออกมาช่วยเหลือบริษัทรถยนต์
ทั้งนี้ คณะทำงานของบุช รวมถึงนายเฮนรี พอลสัน รมว.คลัง, นายโจชัว บอลเทน ประธานคณะทำงานแห่งทำเนียบขาว และนายโจเอล แคปแลน รองหัวหน้าคณะทำงานแห่งทำเนียบขาว ยังคงเจรจากับผู้บริหารและหัวหน้าสหภาพของบริษัทรถยนต์ โดยมีการรวบรวมข้อมูลต่างๆจากทางบริษัท