นายสมศักดิ์ ปณีตัธยาศัย นายกสมาคมกุ้งไทย เปิดเผยว่า ในปี 52 จะลดการผลิตกุ้งให้น้อยลง 20% จากปี 51 ซึ่งผลิตได้ที่ 490,000 ตัน ให้อยู่ที่ประมาณ 392,000 ตัน เพื่อจะสามารถฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งจำเป็นอย่างยิ่งต้องเตรียมการ ปรับตัวโดยลดการผลิตกุ้ง ได้แก่ ลดความหนาแน่นของจำนวนลูกกุ้งที่ลงเลี้ยง และ ลดจำนวนรอบการเลี้ยง โดยการหยุดพักบ่อนานขึ้น,ลดจำนวนบ่อที่เลี้ยง,ไม่มีการขยายหรือเพิ่มจำนวนบ่อหรือฟาร์ม และพยายามไม่ให้มีผลผลิตออกมาพร้อมกัน
ทั้งนี้ การส่งออกกุ้งของไทยช่วงเดือน ม.ค.-ต.ค. 2551 ปริมาณ 297,745 ตัน มูลค่า 68,719 ล้านบาท โดยรวมปริมาณเพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.64 แต่หากพิจารณาตลาดกุ้งที่สำคัญ ของไทย เช่น ตลาดอเมริกา พบว่าไทยส่งกุ้งเข้าไปได้ปริมาณลดลงร้อยละ 3.38 ส่วนตลาดญี่ปุ่นก็มีแนวโน้มนำเข้ากุ้งจากประเทศต่างๆลดลง รวมถึงออสเตรเลีย ตลาดที่มีการกีดกันการค้าสูง ที่กำลังเผชิญกับค่าเงินดอลล่าร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลงมาก
ประกอบกับ การที่ประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่ออัตราการบริโภคกุ้ง ซึ่งเป็นสินค้า Luxury Item อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
"เรื่องนี้หลังจากที่สมาคมและตัวแทนผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดต่างๆได้ประเมินสถานการณ์แล้ว มีมติเห็นพ้องว่า เพื่อให้สอดคล้องสถานการณ์ ภาวะความต้องการของตลาด และเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือในปีหน้า 2552 ในการที่จะประสบภาวะวิกฤติเศรษฐกิจโลกแล้ว" นายสมศักดิ์ กล้าว
นายสมศักดิ์ คาดว่าในปีนี้ไทยจะผลิตกุ้งได้ 490,000 ตัน ราคาส่งออก (ม.ค.—ต.ค.51) อยู่ที่ 231 บาท/กก. และคาดว่าราคาจะไม่ลดลงไปกว่านี้อีก หากมีก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เทียบกับปี 50 ที่ผลิตกุ้งได้มากถึง 530,000 ตัน ราคาส่งออกอยู่ที่ 230 บาท/กก.
เนื่องมาจากเมื่อปลายปีที่แล้ว (ปี 50) ที่สมาคมผู้เลี้ยงกุ้ง ชมรมผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดต่างๆ ออกมา มีมติร่วมกันให้ลดการผลิตกุ้งลงร้อยละ 20 โดยใช้มาตรการต่างๆ เพื่อให้สามารถผลิตกุ้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลังจากประสบปัญหาหนักราคากุ้งตกต่ำต่อเนื่อง เดือดร้อนกันทั่ว เนื่องจากผลผลิตออกมามาก ผลพวงจากมติดังกล่าวที่ประเมินสถานการณ์ได้อย่างถูกต้อง ทำให้ผู้เลี้ยงกุ้งไม่ต้องประสบปัญหาเช่นปีที่ผ่านมา ทุกอย่างค่อนข้างสมดุลกันดี