โจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนส่งสัญญาณว่า ธนาคารกลางอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในเดือนนี้ เนื่องจากภาคส่งออกของจีนซบเซา ขณะที่เงินเฟ้อปรับตัวลดลง และการลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว
ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนกล่าวในที่ประชุมว่าด้วยประเด็นเสถียรภาพทางการเงินในฮ่องกงว่า "นับจากนี้ไปจนถึงต้นปีหน้าจะเป็นช่วงที่ธนาคารเผชิญแรงกดดันในการปรับลดดอกเบี้ย ขณะที่ราคาผู้บริโภคกำลังปรับตัวลดลงและบางครั้งอาจร่วงลงเร็วกว่าที่เราคาดคิด"
ทั้งนี้ จีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 4 ของโลกอาจกำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 20 ปี เนื่องจากวิกฤตการเงินทั่วโลกได้บั่นทอนอุปสงค์ โดยเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้ให้คำมั่นว่าจะใช้เงิน 4 ล้านล้านหยวน (5.84 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อกระตุ้นสภาพคล่อง หลังจากที่เมื่อเดือนที่แล้ว ธนาคารกลางได้ลดดอกเบี้ยลงรุนแรงที่สุดในรอบ 11 ปีเพื่อกระตุ้นตลาดสินเชื่อและการบริโภค
โดยจีนมองว่า เศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะขยายตัวที่ระดับ 5-6% ในปีหน้า ขณะที่ทางการตั้งเป้ากระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวในระดับ 8% เพื่อสร้างงานและเพื่อสร้างเสถียรภาพทางสังคม ซึ่งจากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้จีนต้องใช้มาตรการทางการเงินอย่างเต็มสูบ ด้วยการใช้นโยบายดอกเบี้ย การกระตุ้นปริมาณเงินหมุนเวียน และการออกสินเชื่อภาคธนาคาร
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี CSI 300 ปรับตัวลดลง 1.1% จากกระแสคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจที่ซบเซาจะทำให้บริษัทหลายแห่งรายงานตัวเลขผลกำไรที่ลดลง ขณะที่เงินหยวนเทรดที่ระดับ 6.8474 ดอลลาร์/หยวนจากระดับ 6.8500 ดอลลาร์/หยวน
สำนักงานสถิติแห่งชาติเปิดเผยว่า ยอดการใช้จ่ายภาคโรงงานและภาคอสังหาริมทรัพย์ในเดือนม.ค.-พ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 26.8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่ผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนพ.ย.ขยายตัวต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2542 และการส่งออกลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี ส่วนเงินเฟ้อชะลอตัวลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี