นักวิเคราะห์ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็น คาดการณ์ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนพ.ย.ที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนนี้ จะหดตัวลง 1.3% ซึ่งจะเป็นการปรับตัวลงรุนแรงที่สุดในรอบ 34 ปี และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐานที่ไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน จะขยับขึ้นเพียง 0.1%
ไบรอัน เบธูน หัวหน้านักวิเคราะห์จากไอเอชเอส โกลบอล อินไซท์ กล่าวว่า ต้นทุนราคาน้ำมันและวัตถุดิบประเภทอื่นๆปรับตัวลดลงในเดือนพ.ย. นอกจากนี้ การเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ยากขึ้นยังส่งผลให้ผู้บริโภคลดการจับจ่ายใช้สอยและเป็นเหตุให้บริษัทรถยนต์ในสหรัฐต้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐ ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในขณะนี้อาจบีบให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับต่ำสุดอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
"ยุคเงินเฟ้อกำลังจะหมดไปและยุคเงินฝืดจะเข้ามาแทนที่ในช่วงต้นปีนี้ ขณะที่เฟดก็พยายามทุกวิถีทางที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้น" เบธูนกล่าว
ส่วนดัชนี CPI เดือนต.ค.ร่วงลง 1% ซึ่งเป็นสถิติที่ร่วงลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการคำนวณดัชนี CPI ในปีพ.ศ.2490 และดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน ลดลง 0.1%
ไนเจล กอลท์ หัวหน้านักวิเคราะห์จาก IHS Global Insight กล่าวว่า เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มเสี่ยงต่อการถดถอยอาจทำให้ระบบเศรษฐกิจสหรัฐต้องเผชิญปัญหาเงินฝืด หรือ ภาวะที่ดัชนี CPI ร่วงลงยืดเยื้อยาวนาน ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้จะสร้างแรงกดดันอย่างมากให้กับนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด และบารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ