ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆของโลก ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เพื่อปกป้องเศรษฐกิจถดถอย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนที่ระดับ 88.910 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 90.730 เยน/ดอลลาร์ และอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.1194 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1581 ฟรังค์/ดอลลาร์
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.4103 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3711 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.5613 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.5309 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้นแตะระดับ 0.6976 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันจันทร์ที่ 0.6670 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 0.5788 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.5537 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
เดวิด โซลิน นักวิเคราะห์จาก Foreign Exchange Analytics ในรัฐคอนเน็กติกัต กล่าวว่า ดอลลาร์ได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากการตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยครั้งประวัติศาสตร์ของเฟด เพราะการลดดอกเบี้ยจะทำให้สกุลเงินดอลลาร์มีมูลค่าน้อยลงและไม่น่าดึงดูดใจ
คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดประกาศลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ลงอีก 0.75-1.0% สู่ระดับ 0-0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีพ.ศ.2497 จากเดิมที่ระดับ 1.00% และปรับลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (discount rate) ลงอีก 0.75% สู่ระดับ 0.50% จากเดิมที่ระดับ 1.25% โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างยั่งยืน และจะใช้เครื่องมือทุกอย่างที่มีอยู่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังคงยืนหยัดในนโยบายสนับสนุนกลไกตลาดการเงินให้กลับมาทำงานได้อย่างปกติ
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐ รวมถึงรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปเดือนพ.ย.ร่วงลง 1.7% ซึ่งเป็นการร่วงลงรุนแรงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มเก็บข้อมูล CPI รายเดือนในปีพ.ศ.2490 ขณะที่ดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ทรงตัวที่ระดับ 0.1% ในเดือนพ.ย.
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนพ.ย.ร่วงลง 18.9% เหลือเพียง 625,000 ยูนิต จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 771,000 ยูนิต ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 740,000 ยูนิต และตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างร่วงลง 15.6% เหลือเพียง 616,000 ยูนิตในเดือนพ.ย. จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 730,000 ยูนิต