เฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐ ยืนยันผ่านการให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ CNBC วานนี้ว่า บริษัทรถยนต์ในสหรัฐจะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล ทันทีที่รัฐบาลร่างแผนการให้ความช่วยเหลือที่เหมาะสม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าบริษัทรถยนต์ภายในประเทศจะอยู่รอดได้ในระยะยาว
"ผมยืนยันว่าบริษัทรถยนต์ในสหรัฐจะได้รับเงินช่วยเหลือทันทีที่เราร่างมาตรการที่เหมาะสม สิ่งที่วนเวียนอยู่ในความคิดผมตอนนี้มีเรื่องเดียวคือการช่วยเหลือบริษัทรถยนต์ เราจะทำในสิ่งที่ควรทำ สิ่งนั้นคือการปกป้องประชาชนผู้เสียภาษี" พอลสันกล่าว
นอกจากนี้ พอลสันสนับสนุนการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่พยายามสร้างเสถียรภาพในตลาดการเงินและระบบเศรษฐกิจของสหรัฐ ด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ลงอีก 0.75-1.0% สู่ระดับเป้าหมาย 0-0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีพ.ศ.2497 จากเดิมที่ระดับ 1.00%
"สหรัฐอเมริกาโชคดีที่มีธนาคารกลางที่กล้าทำทุกอย่างเพื่อรับมือกับความท้าทายอันใหญ่หลวงที่รออยู่ข้างหน้า และการดำเนินการของเฟดในครั้งนี้ถือเป็นปรากฎการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน" พอลสันกล่าว
เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) และ ไครสเลอร์ สองค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ในกลุ่มบิ๊กทรี ต้องการเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐมูลค่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้จนถึงไตรมาสแรกปีหน้า ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าคณะทำงานของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช จะนำเงินจากโครงการลดสินทรัพย์ที่มีปัญหา (TARP) มูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ออกมาช่วยเหลือบริษัทรถยนต์
ทั้งนี้ การยื่นมือเข้าช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์อาจทำให้พอลสันกลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลต่อการขับเคลื่อนระบบศรษฐกิจของสหรัฐ หลังจากพอลสันได้เข้าไปมีส่วนในการแทรกแซงบริษัทการเงินในช่วงก่อนหน้านี้ รวมถึงการอนุมัติให้กระทรวงการคลังเข้าเทคโอเวอร์กิจการแฟนนี เม และเฟรดดี แมค, อุ้มกิจการบริษัท อเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (AIG) และเข้าพยุงกิจการธนาคารพาณิชย์อีกหลายแห่ง สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน