นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าที่นายกรัฐมนตรี นำทีมเศรษฐกิจรัฐบาลใหม่ ได้แก่ นายกรณ์ จาติกวณิชย์ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ เดินสายพบผู้ประกอบการท่องเที่ยว เพื่อรับฟังปัญหาและข้อคิดเห็นต่างๆ พร้อมระบุจะเร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับนานาชาติให้เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยวให้กลับคืนมาโดยเร็ว
"ความเชื่อมั่นต้องรีบนำกลับมา (การแก้)ปัญหาความขัดแย้งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราตั้งใจจริงที่จะก้าวผ่านตรงนี้ให้ได้ และผมคงจะหาเวลาที่เหมาะสมบอกกับชาวโลกว่าเราเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น" นายอภิสิทธิ์ กล่าวกับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว
ว่าที่นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า หลังจากได้รับโปรดเกล้าฯ แล้วจะเร่งแก้ไขปัญหาด้านการท่องเที่ยว และเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาในการทำงานร่วมกับพรรคการเมืองอื่น ซึ่งคิดว่าน่าจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว
สำหรับงานด้านการท่องเที่ยวนั้น ผู้ที่รับผิดชอบก่อนหน้านี้ทำงานไว้ได้ดีมาก ซึ่งได้หารือกับพรรคชาติไทยพัฒนาให้คัดเลือกคนที่จะมาสานต่องาน และจะได้เห็นรายชื่อ ครม.ใหม่ภายในคืนนี้หรืออย่างช้าไม่เกินพรุ่งนี้(18 ธ.ค.)
ด้านนายอภิชาติ สังฆอารี นายกสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว(ATTA) เปิดเผยว่า ได้ชี้แจงปัญหาและอุปสรรคด้านการท่องเที่ยวให้กับนายอภิสิทธิ์รับทราบ โดยเห็นว่าปัญหาสำคัญขณะนี้คือความเชื่อมั่นหลังเหตุการณ์ชุมนุมปิดสนามบิน รัฐบาลจึงควรเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้กลับคืนมาโดยเร็วที่สุด เพราะขณะนี้ขาดเจ้าภาพการบริหารจัดการในการเรียกฟื้นความเชื่อมั่น จะเห็นได้จากที่อังกฤษจัดให้ไทยเป็นประเทศเสี่ยงอันดับ 7 ในการเดินทางเข้าประเทศ ดังนั้นจึงต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลจัดการปัญหาไม่ให้บานปลายมากไปกว่านี้
ขณะที่ นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว กล่าวว่า ขณะนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเหตุการณ์ปิดสนามบินส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวเป็นเม็ดเงินมากน้อยเพียงใด แต่เบื้องต้นคาดว่าจะสูญเสียรายได้ 1 แสนล้านบาท แต่ความเป็นจริงแล้วอาจมากถึง 2-3 แสนล้านบาท
ปัญหาที่กระทบต่อการท่องเที่ยวคือการขาดสภาพคล่อง ซึ่งต้องการให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนเงินกู้แก่ภาคธุรกิจ SMEs ด้านการท่องเที่ยวอย่างน้อยวงเงิน 6 หมื่นล้านบาท เพื่อช่วยเรื่องสภาพคล่องให้แก่ภาคธุรกิจในช่วง 2-3 ปี ซึ่งหาก SMEs มีสภาพคล่องแล้ว จะช่วยลดปัญหาการเลิกจ้างลงได้ระดับหนึ่ง
"ตอนนี้ พ.ร.บ.แบงก์ชาติมีข้อจำกัดที่ไม่สามารถให้ซอฟท์โลนแก่ SMEs ได้ ดังนั้นจึงอยากขอให้รัฐบาลจัดเป็นนโยบายในการหาเงินกู้เพื่อช่วยเหลือ SMEs ให้มีเงินหมุนเวียนช่วง 2-3 ปี มิฉะนั้นอาจมีปัญหาลดคนเพื่อลดต้นทุน" นายเจริญ กล่าว
นอกจากนี้ ภาคเอกชนยังต้องการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, ททท. และสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว ได้ทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการมากขึ้น เพื่อให้การดำเนินนโยบายต่างๆ เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว จากเดิมที่คาดว่าต้องใช้เวลาฟื้นท่องเที่ยวนาน 1 ปีนั้น อาจจะใช้เวลาเหลือเพียง 6 เดือน
นายเจริญ กล่าวว่า ต้องการให้ รมว.ท่องเที่ยวฯ เป็นบุคคลที่ทำงานรวดเร็ว เพื่อช่วยแก้ปัญหาด้านการท่องเที่ยว และสามารถกระทุ้งการทำงานให้ฉับไว เพื่อให้นโยบายเดินหน้าได้โดยเร็วเพราะปัญหาของธุรกิจท่องเที่ยวขณะนี้ไม่สามารถรอได้แล้ว