นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทย เตรียม 5 ข้อเสนอเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในการหารือกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี วันพรุ่งนี้ ประกอบด้วย การเร่งรัดให้รัฐบาลสร้างความน่าเชื่อ ด้วยการตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จากบุคคลที่มีประสิทธิภาพ ทำงานเป็นทีม เพราะที่ผ่านมาทีมเศรษฐกิจ ของรัฐบาลชุดก่อนๆ ยังไม่ประสานการทำงานกันด้วยดี ทั้งนี้ภาคเอกชนพร้อมเป็นที่ปรึกษาให้รัฐบาลเพื่อสร้างความเชื่อถือของไทยในต่างประเทศ
พร้อมทั้งเสนอให้รัฐบาลจัดทำกฎหมายให้มีความศักดิ์สิทธิ์และมีความเป็นธรรม โดยเฉพาะการชุมนุมประท้วง-ปิดสนามบิน ต้องอยู่ภายใต้กติการที่เหมาะสม , รัฐบาลต้องเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยเร็วภายใน 3-6 เดือน โดยใช้มาตรการการเงินการคลังควบคู่กัน เพื่ออัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบถึงมือผู้บริโภคให้เร็วที่สุด ทำให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุน สร้างรายได้มากขึ้น พร้อมจัดสรรงบกลางปี 1 แสนล้านบาทใช้ในโครงการทำให้เงินถึงมือผู้บริโภคโดยตรง
รัฐบาลต้องเดินหน้าแก้ปัญหาการว่างงาน เพราะขณะนี้ผู้ใช้แรงงานมีความเป็นห่วงว่าเศรษฐกิจซบเซาจะทำให้เลิกจ้างมากขึ้น ดังนั้น ภาครัฐและเอกชนต้องร่วมพิจารณาหามาตรการให้มีการเลิกจ้างงานน้อยลงหรือชะลอไม่ให้มีการเลิกจ้างโดยอาจจัดสรรงบประมาณบางส่วนช่วยเหลือ ให้เงินชดเชยหรือลดภาษีให้กับภาคธุรกิจ เพื่อจูงใจไม่ให้เลิกจ้าง ,และต้องการเห็นความร่วมมือในการทำงานระหว่างภาครัฐและเอกชนอย่างใกล้ชิด ด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน(กรอ.)และให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมเป็นปรึกษาเศรษฐกิจ
นายประมนต์ กล่าวอีกว่า สำหรับรายชื่อรัฐมนตรีเศรษฐกิจที่เปิดเผยออกมา ยอมรับว่า ยังไม่เป็นที่น่าพอใจนัก แม้โควตาตัวรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์จะน่าพอใจ แต่โควตาพรรคร่วมรัฐบาล ถือว่าไม่น่าพอใจ
"อยากเห็นทีมเศรษฐกิจที่ได้รับความเชื่อมั่น รายชื่อที่ออกมายังไม่น่าพอใจนัก เป็นห่วงนักการเมืองมือใหม่หัดขับ กลัวการไม่ทำงานเป็นทีม และหนักใจรัฐมนตรีที่เข้ามาดูแลกระทรวงพาณิชย์ไม่ใช่คนของประชาธิปัตย์ อย่างนายเกียรติ สิทธีอมร น่าจะเหมาะสม... หากจะทาบทามผมเข้าร่วมทีมเศรษฐกิจในรัฐบาลใหม่นั้น เป็นที่ปรึกษาโดยไม่รับตำแหน่งใดๆ ก็ไม่ขัดข้อง และเห็นด้วยที่จะมีทีมที่ปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญในแขนงต่างๆ มาฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจ" นายประมนต์ กล่าว
ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เสนอให้รัฐบาลเพิ่มบกลางปีเป็น 2 แสนล้านบาท เพื่อกระจายเม็ดเงินให้ถึงประชาชนทุกระดับอย่างทั่วถึง และเร่งรัดให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นเบิกจ่ายงบประมาณลงพื้นที่ทั้ง 75 จังหวัด เพื่อนำเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า และสนับสนุนให้รัฐบาลใช้นโยบายภาษีเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจที่ไม่ปลดคนงาน
รวมทั้งลดภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 7% เป็นการชั่วคราว เพื่อลดปัญหาค่าครองชีพและกระตุ้นกำลังซื้อทางจิตวิทยา ลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.5-1.0% เพื่อลดต้นทุนบริหารธุรกิจ และรักษาค่าเงินบาทให้อ่อนค่าในกรอบ 35 บาท/ดอลลาร์ เพื่อพยุงธุรกิจส่งออกและท่องเที่ยว