นายยู เจียรยืนพงศ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดแถลงข่าวร่วมกับผู้แทนสมาคมพัฒนารถร่วมเอกชน สหกรณ์รถแท็กซี่สยาม ชมรมรถร่วม ขสมก. ชมรมผู้ใช้รถก๊าซเอ็นจีวี และสมาคมกิจการรถโดยสารประจำทางไทย ว่า ผู้ประกอบการทุกฝ่ายขอคัดค้านการที่บมจ. ปตท.(PTT) ประกาศขึ้นราคาขายปลีกเอ็นจีวีหน้าปั๊มในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลจากราคา 8.50 บาท เป็น 11 บาท ต่อกก.ในวันที่ 1 ม.ค.52
ทั้งนี้ เนื่องจากส่งผลกระทบให้ผู้ประกอบการด้านการขนส่งได้รับความเดือดร้อนอย่างมากทั้งในส่วนของผู้ระกอบการขนส่งสินค้า ผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะ รถแท็กซี่ รถยนต์ส่วนบุคคล ซึ่งผู้ประกอบการต้องรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถยนต์ใช้เอ็นจีวีก็สูงกว่ารถยนต์ใช้ดีเซล และเครื่องยนต์เอ็นจีวีก็สึกหร่อเร็วกว่าเครื่องยนต์ดีเซลด้วย
นอกจากนั้น ผู้ประกอบการยังต้องมีภาระเพิ่มจากการกู้เงินมาปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์เอ็นจีวี ซึ่งผู้ประกอบการกู้เงินจาก ปตท. เพื่อนำมาดำเนินการรวมกันกว่า 2,000 ล้านบาท
นายยู ยังกล่าวอีกว่า ในวันที่ 20 ธ.ค.นี้ สมาคมฯ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จะประชุมร่วมกันเพื่อกำหนดกลยุทธ์ในการคัดค้านการขึ้นราคาเอ็นจีวี และจะได้เรียกร้องให้ภาครัฐเข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับภาคเอกชนอย่างเร่งด่วน เพราะหากค่าขนส่งมีต้นทุนมากขึ้นจากการปรับเพิ่มราคาเอ็นจีวีก็จะทำให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนเพิ่มขึ้น 5% และท้ายสุดผู้ที่แบกรับภาระค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นก็คือประชาชนที่เป็นผู้บริโภคเพราะราคาสินค้าต่างๆก็จะเพิ่มขึ้นตามราคาค่าขนส่งที่ปรับขึ้นเพิ่ม
ด้านนายบรรยงค์ อัมพรตระกูล ประธานชมรมรถร่วม ขสมก. กล่าวว่า ขอคัดค้านการปรับขึ้นราคาเอ็นจีวี เพราะจะกระทบต่อต้นทุนของผู้ประกอบการที่จะต้องแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันผู้ประกอบการยังอยู่ในช่วงลงทุนปรับเปลี่ยนรถโดยสารมาใช้เอ็นจีวี ซึ่งต้องทยอยชำระเงินกู้ที่นำมาลงทุน ดังนั้นจึงขอให้ ปตท.ชะลอการปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีออกไปก่อนเป็นเวลาอย่างน้อย 3 ปี
ส่วนนายวิฑูรย์ แนวพานิชย์ ประธานสหกรณ์รถแท็กซี่สยาม กล่าวว่า ปัจจุบันมีรถแท็กซี่ใช้เอ็นจีวีประมาณ 2 หมื่นคัน จากรถแท็กซี่ทั้งหมด 6 หมื่นคัน โดยรถแท็กซี่ที่เหลือใ ช้แอลพีจี ซึ่งในส่วนของรายได้ของคนขับรถแท็กซี่ทั้งรถแท็กซี่ใช้เอ็นจีวีและแอลพีจีใกล้เคียงกัน แม้ว่าราคาเอ็นจีวีจะต่ำกว่าราคาแอลพีจี
เนื่องจากค่าบำรุงรักษาของรถแท็กซี่ใช้เอ็นจีวีค่อนข้างสูง และหากปตท. ปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีอีกจะกระทบต่อคนขับรถแท็กซี่ เพราะต้นทุนสูงขึ้นขณะที่อัตราค่าโดยสารไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ เห็นว่าปตท.ไม่สมควรปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีในช่วงนี้ ซึ่งเป็นการสวนกระแสราคาน้ำมันที่ลดลง ขณะเดียวกันก่อนที่ปตท.จะปรับขึ้นราคาเอ็นจีวี ต้องก่อสร้างสถานีบริการให้ครบ และมีระบบเติมเอ็นจีวีที่สมบูรณ์ สะดวก 100% ไม่ใช่ต้องเสียเวลารอเติมเอ็นจีวีเป็นชั่วโมงเหมือนปัจจุบัน
นายบุญชัย รุ่งเรืองไพศาลสุข ประธานเครือข่ายคัดค้านการขึ้นค่าโดยสารสาธารณะ กล่าวว่า เครือข่ายฯ ต่อต้านการขึ้นราคาเอ็นจีวีมาตลอด และมีความเห็นสอดคล้องกับผู้ประกอบการรถโดยสาร ในกรณีที่ปตท.ยังไม่ควรปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีในช่วงนี้ เพื่อให้เวลาผู้ประกอบการคืนทุนที่ได้ปรับเปลี่ยนรถโดยสารมาใช้เอ็นจีวี