นายกรณ์ จาติกวนิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้ที่ได้รับคาดหมายว่าจะเข้ามารับตำแหน่ง รมว.คลัง กล่าวว่า แม้ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเคยเห็นด้วยกับข้อเสนอการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ขณะนี้คงต้องนำมาพิจารณาทบทวนอีกครั้งว่ามีความเหมาะสมกับภาวะการณ์ปัจจุบันหรือไม่อย่างไร โดยเฉพาะความต้องการที่แท้จริงของภาคธุรกิจ ขณะที่ภาครัฐเองก็มีภาระการใช้จ่ายค่อนข้างสูง
"การหาเสียงเมื่อปีที่แล้ว เรานำเสนอนโยบายจะลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงจาก 30% เหลือ 25% แต่ต้องยอมรับว่าโลกเปลี่ยนไปเยอะโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ดังนั้นต้องพิจารณาให้รอบคอบว่าวันนี้ผู้ประกอบการเป็นห่วงอะไร ห่วงว่ากำไรแล้วจะต้องเสียภาษีมาก หรือห่วงว่าเขาจะอยู่รอดมากกว่า ดังนั้นคงต้องปรับแนวความคิดตามภาวะการณ์" ว่าที่ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์เช้านี้
ส่วนข้อเสนอการปรับลดภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) ก็ยังไม่มีคำตอบในขณะนี้ เพราะยังต้องพิจารณารายละเอียดทุกด้านอย่างรอบคอบก่อน เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีผลกระทบสูงมาก ซึ่งการปรับลดภาษีลงทุก 1% จะมีผลให้รายได้รัฐบาลลดลงราว 70,000 ล้านบาท
ว่าที่ รมว.คลัง ยังชี้แจงถึงข้อจำกัดต่างๆ ในการเพิ่มงบประมาณปี 52 จากปัญหารายรับที่อาจจะน้อยกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1.5 ล้านล้านบาท อยู่ราว 1 แสนล้านบาท ซึ่งลดลงราว 8% ถือว่าเป็นการลดลงอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ยังมีปัญหาจากการจัดเก็บรายได้ของรัฐวิสาหกิจหลายแห่งอันเนื่องจากคาดว่าผลกำไรลดลง เช่น บมจ.การบินไทย(THAI), บมจ.ปตท.(PTT) เป็นต้น
แต่อย่างไรก็ดี ยังเชื่อว่าการเพิ่มงบประมาณกลางปี 52 เพียง 1 แสนล้านบาท เชื่อว่าจะเพียงพอต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ หากเป็นการใช้อย่างถูกวัตถุประสงค์ และเกิดความคุ้มค่า รวมถึงดูแลไม่ให้เกิดการรั่วไหล