นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน กกพ.(เรคกูเรเตอร์) กล่าวว่า แนวโน้มค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(เอฟที) ในรอบบิลเดือน ม.ค.-เม.ย.52 มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 40-50 สตางค์/หน่วย จากปัจจุบันอยู่ที่ 77.70 สตางค์/หน่วย แม้ว่าระดับราคาน้ำมันที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าจะลดลงต่อเนื่อง แต่เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเรกูเรเตอร์ปรับขึ้นค่าเอฟทีแบบขั้นบันได เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบมากนักจึงยังไม่ครอบคลุมราคาต้นทุนที่แท้จริงทั้งหมด
สำหรับสาเหตุหลักที่คาดว่าค่าเอฟทีจะปรับขึ้นในอัตราดังกล่าว เป็นเพราะจากราคาเชื้อเพลิงย้อนหลัง 6 เดือนยังมีทิศทางที่สูง โดยเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติ ที่ต้องอิงกับราคาน้ำมัน ซึ่งยังครอบคลุมระยะเวลาในช่วงที่ราคาน้ำมันแพงสูงสุด
อย่างไรก็ดี ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของ รมว.พลังงานคนใหม่ว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่เห็นว่าการตรึงราคาคงทำได้ลำบากขึ้น เนื่องจากรัฐบาลที่แล้วได้ใช้นโบบาย 6 มาตรการ 6 เดือน โดยขอให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตรึงค่าเอฟทีงวดเดือนต.ค.-ธ.ค.51 เป็นเงินกว่า 10,000 ล้านบาท และมีเงื่อนไขจะทยอยปรับขึ้นในงวดถัดไป ซึ่งการตรึงราคาดังกล่าว ส่งผลให้ กฟผ.มีปัญหาสภาพคล่อง
ด้านนายสมบัติ ศานติจารี ผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ.ได้รายงานตัวเลขประเมินเบื้องต้นของค่าเอฟทีงวดใหม่ให้เรคกูเรเตอร์ไปแล้ว โดยราคาเชื้อเพลิงที่ใช้ในการคำนวณเฉลี่ยย้อนหลัง 6 เดือน ยังอยู่ในช่วงที่ราคาน้ำมันแพง โดยเดือนก.ค.51 อยู่ที่ระดับ 145 ดอลลาร์/บาร์เรล และทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้ามีราคาที่สูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น ตัวเลขค่าเอฟทีจึงมีแนวโน้มสูงขึ้น