ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 ธ.ค.) หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐอนุมัติเงินกู้ช่วยเหลืออุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศเป็นวงเงิน 1.74 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.3884 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.4286 ดอลลาร์/ยูโรเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และเงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับ 1.4869 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.5055 ดอลลาร์/ปอนด์
อย่างไรก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 89.090 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 89.370 เยน/ดอลลาร์ แต่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์ที่ 1.1052 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0790 ฟรังค์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลงแตะระดับ 0.5742 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.5844 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงแตะระดับ 0.6821ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.6891 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย
ทั้งนี้เงินดอลลาร์เริ่มแข็งค่าขึ้นเมื่อช่วงวันพฤหัสบดี จากที่อ่อนค่าลงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0-0.25% พร้อมทั้งส่งสัญญาณว่าอาจใช้มาตรการอื่นๆร่วมด้วยเช่นการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อ
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าขึ้นจากปัจจัยหนุนของรัฐบาลสหรัฐที่ประกาศว่าถึงมาตรการออกเงินกู้ฉุกเฉิน 1.74 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจัดสรรเป็นเงินกู้ระยะสั้นในงวดแรกเป็นเงิน 1.34 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อช่วยเหลือเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) และไครสเลอร์ แอลแอลซี ที่กำลังประสบปัญหาสภาพคล่องหลังยอดขายตกต่ำท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
โดยมาตรการดังกล่าวระบุว่า จีเอ็มจะได้เงินจำนวน 9.4 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ไครสเลอร์จะได้ไป 4 พันล้านดอลลาร์ ส่วนที่เหลืออีก 4 พันล้านดอลลาร์นั้นจะทยอยจัดสรรเพิ่มเติมในภายหลัง ขณะที่ฟอร์ด มอเตอร์ เปิดเผยว่า บริษัทยังมีสภาพคล่องเพียงพอและหวังว่าจะสามารถปรับโครงสร้างได้โดยไม่ต้องพึ่งเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล