นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ ในฐานะประธานมูลนิธิสถาบันพลังงานทดแทนแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์พร้อมที่จะเดินหน้าส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ โดยเฉพาะธุรกิจที่มีส่วนร่วมในการใช้พลังงานทดแทน เพื่อลดการพึ่งพาพลังงานจากน้ำมัน
เนื่องจากปัจจุบันมีความต้องการไฟฟ้าเพิ่มขึ้นปีละ 1,000-2,000 เมกะวัตต์ และปัจจุบันยังพึ่งพิงก๊าซธรรมชาติสูงถึง 65% ของกระบวนการผลิตไฟฟ้า ขณะที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ยังไม่มีความแน่นอน ส่วนพลังงานทดแทนอื่นทั้งชีวมวล พลังงานจากน้ำ ลม มีข้อจำกัดไม่สามารถผลิตให้มีปริมาณที่เพียงพอได้
ทั้งนี้ เห็นว่าพลังแสงอาทิตย์มีศักยภาพทางด้านปริมาณที่เพียงพอและผลิตพลังไฟฟ้าได้ดีมากที่สุด แต่มีปัญหาต้นทุนสูง โดยขณะนี้มีการลงทุนตั้งโรงงานผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ในประเทศแล้วหลายแห่ง ทำให้ลดการนำเข้าแผงสำเร็จรูป การใช้ส่วนประกอบในประเทศ การทำให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ทำให้เกิดการจ้างงานมากขึ้น และยังสามารถแก้ปัญหาโลกร้อนด้วยการขายคาร์บอนเครดิตให้กับประเทศที่พัฒนาแล้วได้อีกด้วย
รมว.พาณิชย์ กล่าวอีกว่า เตรียมเชิญผู้เชี่ยวชาญในการทำธุรกิจกับต่างประเทศมาร่วมเป็นทูตพิเศษของรัฐบาล เพื่อขยายการค้าเพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีจำนวน 50 ประเทศ โดยเน้นดูแลการส่งออกในเชิงรุก ซึ่งช่วงแรกจะเน้นตลาดอาเซียนและแถบประเทศเพื่อนบ้าน
และหลังจากเข้าทำงานในกระทรวงพาณิชย์ จะเดินหน้ารับฟังปัญหาจากทุกส่วน เพื่อนำมากำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหาส่งออก เนื่องจากรัฐบาลมีความเป็นห่วงรายได้จากการส่งออกของประเทศในปี 52 จะหดตัวอย่างมาก จนมีผลต่อรายได้ของประเทศ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเน้นพัฒนาศักยภาพด้านการส่งออก โดยจะขายสินค้าและบริการทุกรูปแบบไปยังตลาดที่ยังพอมีศักยภาพ