นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือน พ.ย.51 มีมูลค่า 11,870 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 18.6% ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบกว่า 6 ปี ส่วนหนึ่งมีสาเหตุจากการชุมนุมปิดสนามบิน ทำให้การส่งออกสินค้าประเภทอัญมณีและเครื่องประดับ และวงจรไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ได้รับผลกระทบมาก
"การส่งออกที่ลดลงบางส่วนมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปิดสนามบิน ซึ่งจะทำให้(การส่งออก)บางส่วนเลื่อนไปเดือน ธ.ค. และจากเดือน ธ.ค.ต้องเลื่อนไปต้น ม.ค." ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ระบุ
ขณะที่การนำเข้า มีมูลค่า 13,073 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 2.0% ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้า 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ
นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า การส่งออกในเดือน พ.ย.51 ที่ลดลงนอกจากจะมีสาเหตุมาจากปัจจัยเรื่องภาวะเศรษฐกิจของตลาดหลักถดถอย, ราคาสินค้าส่งออกต่อหน่วยทั้งสินค้าเกษตรและสินค้าอุตสาหกรรมลดลงมาก เมื่อเทียบกับช่วงต้นปี และการส่งออกเมื่อเทียบกับฐานที่สูงถึง 14,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในเดือนพ.ย.50
สาเหตุยังมาจากปัญหาการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งปกติแล้วจะมียอดการขนส่งสินค้าทางอากาศประมาณ 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ/เดือน แต่ในเดือน พ.ย.นี้ ยอดลดลงเหลือเพียง 2,700 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีผลกระทบกับสินค้าประเภทอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้การส่งออกทางอากาศสูงถึง 50%, เครื่องใช้ไฟฟ้า 10% และอัญมณีเครื่องประดับ 17%
"ปกติการขนส่งทางเครื่องบินอยู่ที่ประมาณ 4 พันล้านเหรียญ/เดือน แต่เดือนพ.ย.เหลือแค่ 2,700 ล้านเหรียญ หายไปถึง 1,300 ล้านเหรียญ สินค้าพวกอิเล็กทรอนิกส์มีสัดส่วนถึง 50% เครื่องใช้ไฟฟ้า 10% อัญมณี 17%...สินค้าเหล่านี้กระเทือนมากในเดือน พ.ย.นี่คือเหตุผลที่มีส่วนให้การส่งออกลดลง"นายราเชนทร์ ระบุ
ขณะที่การส่งออกสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมการเกษตรลดลง 13.5% สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญรวมเชื้อเพลิงลดลง 18.8% โดยสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมที่ส่งออกลดลงทั้งปริมาณและมูลค่า ได้แก่ ข้าว ปริมาณลดลง 60.9% มูลค่าลดลง 36.2%, ยางพารา ปริมาณลดลง 28.8% มูลค่าลดลง 33.6% ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ปริมาณลดลง 57.3% มูลค่าลดลง 44.5% ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญที่รวมเชื้อเพลิง ส่วนใหญ่ส่งออกลดลง ยกเว้นผลิตภัณฑ์ยาง, เลนส์, เครื่องสำอาง อาหารสัตว์เลี้ยง และของเด็กเล่น
ขณะที่ภาวะการส่งออกในตลาดใหม่และตลาดเก่าต่างปรับตัวลดลง โดยภาพรวมตลาดหลักลดลง 19.2% และตลาดใหม่ลดลง 17.9% ยกเว้นอินเดีย ยุโรปตะวันออก และตะวันออกกลาง ที่ยังสามารถส่งออกได้เพิ่มขึ้น
สำหรับภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-พ.ย.51) การส่งออกมีมูลค่า 166,236 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 19.7% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 167,398 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 30.9% ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้า 1.16 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ยังเชื่อมั่นว่า การส่งออกของไทยในปีนี้จะเติบโตได้เกินกว่า 18% สูงเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 15% ส่วนการส่งออกปีหน้าเชื่อว่าสถานการณ์จะไม่เลวร้ายถึงขั้นที่ภาคเอกชนมองว่าจะติดลบเป็นตัวเลข 2 หลัก มูลค่าการส่งออกปีหน้าน่าจะเติบโตได้อย่างน้อย 0-5% และจะน่าเริ่มดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ, จีน และอินเดียที่จะทยอยออกมาใช้ในช่วงต้นปีหน้า คาดว่าจะเริ่มเห็นผลมาสู่ภาคธุรกิจได้ตั้งแต่กลางปีเป็นต้นไป
"กระทรวงพาณิชย์จะพยายามให้ติดลบน้อยที่สุด เราเชื่อว่าครึ่งปีหลังสถานการณ์จะดีขึ้น จะพยายามทำให้ได้ 0-5% นี่คือความตั้งใจของเรา"นายศิริพล กล่าว
พร้อมขอร้องไปยังธนาคารพาณิชย์ว่าไม่ควรชะลอหรือปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการน้อยลง เพราะจะยิ่งทำให้กระทบกับสถานการณ์การส่งออกมากขึ้นไปอีก โดยเห็นว่าระดับการปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการในปัจจุบันถือว่าอยู่ในระดับที่ดีแล้ว