ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) หลังจากญี่ปุ่นเปิดเผยตัวเลขส่งออกที่ทรุดตัวลงอย่างหนัก และธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ออกมายอมรับเป็นครั้งแรกว่าเศรษฐกิจภายในประเทศเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้วและคาดว่าจะถดถอยลงอีก
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 89.980 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 89.120 เยน/ดอลลาร์ แต่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0921 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1038 ฟรังค์/ดอลลาร์
ขณะที่ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.3954 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.3916 ดอลลาร์/ยูโร ส่วนค่าเงินปอนด์อ่อนตัวลงแตะระดับ 1.4851 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.4925 ดอลลาร์/ปอนด์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 0.6835 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.6826 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนตัวลงแตะระดับ 0.5718 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.5757 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
เดวิด กิลมอร์ นักวิเคราะห์จากฟอเรนจ์ เอ็กซ์เชนจ์ อนาไลติกส์ กล่าวว่า ค่าเงินเยนร่วงลงอย่างหนักหลังจากมีรายงานว่ายอดการส่งออกของญี่ปุ่นร่วงลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนพ.ย. 2552 เนื่องจากความต้องการรถยนต์และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกปรับตัวลดลง จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้มีความเป็นไปได้ว่าบริษัทหลายแห่งจะปิดโรงงานและปรับลดการจ้างงานมากขึ้นท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก
กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดส่งออกเดือนพ.ย.ทรุดตัวลง 26.7% จากปีก่อนหน้านี้ ซึ่งร่วงหนักกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 22.3% นอกจากนี้ ตัวเลขดังกล่าวยังดิ่งลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่มีการเก็บข้อมูลในปี 2523
นอกจากนี้ เงินเยนยังได้รับแรงกดดันจากการที่สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นประเมินภาวะเศรษฐกิจรายเดือนเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่น "ถดถอยรุนแรง" ในเดือนพ.ย. ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปีที่รัฐบาลญี่ปุ่นใช้คำว่าถดถอยรุนแรง ต่างจากการประเมินครั้งก่อนที่ใช้คำว่า "ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง"
สถานการณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของญี่ปุ่นส่งผลให้บีโอเจตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ย 0.2% เหลือเพียง 1% ในการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากมีข้อมูลมากมายที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว รวมถึง รายงานผลสำรวจความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ภายในประเทศ (ทังกัน) ที่ร่วงลงแตะระดับ -24 จุดในไตรมาสสี่ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 30 ปี จากไตรมาสสามที่ระดับ -3 จุด ซึ่งเป็นสถิติที่ร่วงลงติดต่อกันยาวนานถึง 6 ไตรมาส และร่วงลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ -23 จุด
นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดปริวรรตเงินตราซบเซาลงหลังจากบริษัท โตโยต้ามอเตอร์ ซึ่งเป็นค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นปรับคาดการณ์ผลประกอบการปีนี้สิ้นสุดในเดือนมี.ค. ปีหน้า โดยคาดว่าบริษัทจะขาดทุนราว 1.5 แสนล้านเยน (5.9 หมื่นล้านบาท) ซึ่งเป็นการขาดทุนครั้งแรกนับตั้งแต่บริษัทเริ่มรายงานผลประกอบการมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2484 หรือในรอบ 67 ปี หลังจากที่บริษัทได้กำไร 2.27 ล้านล้านเยนเมื่อปีที่แล้ว