นักเศรษฐศาสตร์คาดยอดขายบ้านสหรัฐอาจร่วงหนักสุดในรอบ 9 ปีในเดือนพ.ย.

ข่าวต่างประเทศ Tuesday December 23, 2008 14:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ยอดขายบ้านมือหนึ่งและมือสองในสหรัฐอาจลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 9 ปีในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากเกิดภาวะขาดแคลนสินเชื่อเพื่อการซื้อบ้าน ในขณะเดียวกันผู้บริโภคที่มีความสามารถในการซื้อบ้านก็มีจำนวนลดลง

ผลสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งจัดทำโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ยอดขายบ้านอาจปรับตัวลดลง 1.4% เหลือ 5.345 ล้านยูนิต ซึ่งหากเป็นจริงจะหมายความว่ายอดขายบ้านเดือนพ.ย.มีน้อยกว่าในเดือนมิ.ย.ซึ่งขายได้ 5.349 ล้านยูนิต และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2542

วิกฤติตลาดอสังหาริมทรัพย์และวิกฤติสินเชื่อมีแนวโน้มลุกลามไปจนถึงปีหน้า ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจโดยรวม ไม่กระเตื้องขึ้นมากนัก โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็ประกาศลดดอกเบี้ยเหลือ 0-0.25% เพื่อกระตุ้นให้เกิดการกู้ยืมเงิน ในขณะเดียวกันว่าที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ก็ปฏิญาณว่าจะทำให้จำนวนบ้านที่ถูกยึดไม่มีจำนวนมากไปกว่านี้ รวมทั้งกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ไปพร้อมกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ

"อุปสงค์บ้านยังคงเบาบางมาก" มิเชล เมเยอร์ นักเศรษฐศาสตร์จากบาร์เคลย์ แคปิตอล อิงค์ ในนิวยอร์ค กล่าว "ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาหนักสุดนับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่งผลให้เกิดวิกฤติตลาดเงินครั้งรุนแรงที่สุดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐถดถอยรุนแรงที่สุด"

ผลสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์เผยว่า ยอดขายบ้านใหม่อาจร่วงลงแตะ 415,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปี 2534 ส่วนยอดขายบ้านมือสองอาจลดลงแตะ 4.93 ล้านยูนิต สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ