นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังจะได้ข้อสรุปการจัดทำงบกลางปี 52 พร้อมกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายเดือน ม.ค.52 เพื่อเร่งจัดสรรงบประมาณผ่านสถาบันการเงินของรัฐลงไปยังระดับรากหญ้าโดยเร็ว ซึ่งวงเงินจะเกินกว่า 1 แสนล้านบาทไม่มาก และยังไม่มีแนวคิดจะเปลี่ยนแปลงแผนลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็คต์
โดยการจัดทำงบประมาณปี 53 คาดว่าจะเป็นงบประมาณขาดดุลต่อเนื่องจากปีงบประมาณ 52 และไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะมีการจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลไปอีกกี่ปีเพราะปัญหาเศรษฐกิจรุนแรงกว่าปี 40 และไม่สามารถประเมินภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าได้ ซึ่งในปีงบประมาณ 52 มีวงเงินจำนวน 1.835 ล้านล้านบาท เป็นงบประมาณขาดดุล 2.495 แสนล้านบาท หรือ 2.4% ของจีดีพี
รมว.คลัง ยอมรับว่า มีความเป็นห่วงเรื่องภาระการคลังของประเทศ เนื่องจากรัฐบาลต้องใช้เงินจำนวนมากเข้าไปฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจเหมือนในหลายประเทศ แต่เชื่อว่ารัฐบาลยังมีศักยภาพเพียงพอที่จะไปเจรจากู้เงิน เนื่องจากสัดส่วนหนี้สาธารณะขณะนี้อยู่ในระดับต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
สำหรับแผนลงทุนโครงการเมกะโปรเจ็คต์นั้นยังไม่มีแนวคิดที่จะชะลอ แต่ที่มีปัญหาเป็นเรื่องการตีความ ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าเมื่อกระบวนการได้ดำเนินต่อเนื่องมาแล้วก็ไม่ควรที่จะชะลอ เพราะสาเหตุที่ไม่สามารถเริ่มโครงการได้พร้อมกันทั้ง 10 เส้นทางนั้นไม่ได้เกิดจากการชะลอโครงการ ซึ่งรัฐบาลจะสานต่อแต่มอบหมายให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) พิจารณาต้นทุนของการลงทุน เนื่องจากความผันผวนของตลาดการเงิน เพราะต้องพึ่งพาเงินกู้จากต่างประเทศ
รมว.คลัง กล่าวว่า ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปประเมินผลดี-ผลเสียของโครงการ 6 เดือน 6 มาตรการ ก่อนที่จะดำเนินการต่อ โดยยืนยันไม่ว่าจะเป็นโครงการของรัฐบาลใด หากเกิดประโยชน์ต่อประชาชนและไม่สร้างภาระกับรัฐบาลมากเกินไปก็จะสานต่อ