ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.)มีมติให้ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น(DTAC)คืนเงินค่าเชื่อมต่อสัญญาณ 107 บาทที่เรียกเก็บจากผู้ใช้บริการแต่ละรายที่ชำระค่าบริการล่าช้าและถูกตัดสัญญาณ หลังมีผู้ร้องเรียนว่าการกระทำดังกล่าวไม่เป็นธรรม
"(กทช.)มีมติให้บริษัทคืนเงินจำนวนดังกล่าวแก่ผู้ร้อง และให้ระงับการเรียกเก็บค่าต่อบริการในลักษณะดังกล่าวต่อไป เนื่องจากไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมาย"นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม(สบท.)กล่าว
วันนี้ ที่ประชุม กทช.พิจารณาข้อร้องเรียนกรณีเอกชนผู้ให้บริการโทรคมนาคมเรียกเก็บค่าบริการเชื่อมต่อสัญญาณภายหลังจากที่ผู้ใช้บริการผิดนัดชำระค่าบริการว่ามีความชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนว่าดีแทคเรียกเก็บค่าต่อคู่สายจำนวน 107 บาท หลังชำระค่าบริการล่าช้าและถูกตัดสัญญาณ ซึ่งดีแทคอ้างประกาศของคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) และประกาศอัตราขั้นสูงค่าบริการของ กทช. นอกจากนี้การต่อคู่สายโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นการต่อผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ยังมีต้นทุนน้อย
"ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่สามารถหยิบยกมาเป็นข้ออ้างได้ เท่ากับว่า ข้อต่อสู้ของบริษัทดีแทค ไม่สามารถแสดงให้ กทช. เห็นได้ว่า การเรียกเก็บเงิน 107 บาท เป็นการเรียกเก็บโดยชอบด้วยกฎหมาย"นพ.ประวิทย์ กล่าว
ที่ผ่านมาการเรียกเก็บค่าเชื่อมต่อสัญญาณหลังผู้ใช้บริการผิดนัดชำระค่าบริการเป็นปัญหาหนึ่งที่ผู้บริโภคตั้งคำถามว่ามีความเหมาะสมและชอบธรรมหรือไม่ เนื่องจากตามประกาศ กทช.เรื่องมาตรฐานสัญญาให้บริการโทรคมนาคมระบุว่าผู้ให้บริการจะกำหนดให้ผู้ใช้บริการต้องชำระดอกเบี้ย เบี้ยปรับ หรือเงินอื่นใดในลักษณะดังกล่าวกรณีที่ผู้ใช้บริการผิดนัดชำระค่าบริการเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด คือ ร้อยละ 7.5 ต่อปี ไม่ได้นอกจากจะได้รับความเห็นชอบจาก กทช.ก่อน
แต่สถานการณ์จริงในปัจจุบันพบว่า กรณีผู้บริโภคชำระค่าบริการล่าช้าและถูกตัดสัญญาณ เมื่อนำเงินค้างค่าบริการไปชำระก็จะถูกเรียกเก็บค่าบริการต่อสัญญาณจำนวน 107 บาท หรือ 214 บาท แล้วแต่ข้อกำหนดของผู้ให้บริการ ซึ่งไม่มีความชัดเจนว่าดำเนินการภายใต้หลักเกณฑ์และมาตรฐานใด