ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: แรงซื้อหนุนดอลล์แข็งเทียบเยน,ปอนด์ แม้สหรัฐเผยข้อมูลศก.อ่อนแอ

ข่าวต่างประเทศ Wednesday December 24, 2008 07:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนและปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสกุลเงินดอลลาร์ก่อนปลายปีอย่างคับคั่ง แม้ทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอก็ตาม

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 90.620 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 90.150 เยน/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.0857 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0933 ฟรังค์/ดอลลาร์

ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.3956 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.3942 ดอลลาร์/ยูโร และเงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับ 1.4735 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.4835 ดอลลาร์/ปอนด์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลแตะระดับ 0.6805 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.6846 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลงแตะระดับ 0.5671 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.5734 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์

ไบรอัน โดแลน นักวิเคราะห์จาก Forex.com กล่าวว่า นักลงทุนที่จำเป็นต้องปิดงบบัญชีประจำปีพ.ศ.2551 เข้าซื้อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเพื่อปรับพอร์ทการลงทุน ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ แม้ว่าทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ก็ตาม

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขั้นสุดท้ายประจำไตรมาส 3 หดตัวลง 0.5% มากกว่าที่คาดว่าจะหดตัวเพียง 0.3% และเป็นสถิติที่หดตัวลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 ของปีพ.ศ.2544 ซึ่งเป็นผลมาจากผู้บริโภคลดการจับจ่ายใช้สอยลง 3.7% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรุนแรงที่สุดในรอบ 28 ปี ขณะที่ภาคครัวเรือนลดการใช้จ่ายลง 17.6% ซึ่งเป็นการร่วงลงติดต่อกันยาวนานถึง 11 ไตรมาส

สมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองประจำเดือนพ.ย.ร่วงลง 8.6% เหลือเพียง 4.49 ล้านยูนิตต่อปี จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 4.91 ล้านยูนิต ขณะที่ยอดขายบ้านใหม่ร่วงลง 2.9% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 18 ปี และราคาบ้านใหม่ร่วงลงหนักสุดในรอบ 8 เดือน

ค่าเงินปอนด์ร่วงลงหลังจากรัฐบาลอังกฤษเปิดเผยว่า เศรษฐกิจไตรมาส 3 หดตัวลงเกินคาด 0.6% ซึ่งทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางอังกฤษจะลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0% ในปีหน้า โดยก่อนหน้านี้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ลง 0.75-1.0% สู่ระดับเป้าหมาย 0-0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีพ.ศ.2497 จากเดิมที่ระดับ 1.00% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ