กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ขั้นสุดท้าย หดตัวลง 0.5% ซึ่งทำสถิติดิ่งลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 ของปีพ.ศ.2544 จากผลกระทบของยอดการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ปรับตัวลดลง และการลงทุนในสินทรัพย์คงที่ที่ซบเซา
โดยตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งมีสัดส่วนคิดเป็น 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐร่วงลงแตะที่ 3.8% สวนทางกับที่ขยายตัว 1.2% ในไตรมาสก่อนหน้านี้ ขณะที่การใช้จ่ายด้านโครงการก่อสร้างบ้านร่วงลง 16.0% ซึ่งรุนแรงกว่าที่ลดลง 13.3% ในไตรมาสที่สองและยังทำสถิติดิ่งลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11
อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้น 3.0% หลังจากถีบตัวสูงขึ้น 12.3% ในไตรมาสที่สอง ขณะที่การนำเข้าสินค้าลดลง 3.5% หลังจากดิ่งลง 7.3% ในไตรมาสก่อนหน้านี้ ด้านการใช้จ่ายรัฐบาลพุ่งขึ้น 5.8% ซึ่งสูงกว่าระดับที่ขยายตัว 3.9% ในไตรมาสที่สอง
ทั้งนี้ ตัวเลขจีดีพีเป็นข้อมูลที่ชี้วัดมูลค่าสินค้าบริการภายในประเทศ ซึ่งนักวิเคราะห์หวั่นเกรงว่าตัวเลขจีดีพีจะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในไตรมาสนี้และไตรมาสแรกของปีหน้า นอกจากนี้ การที่จีดีพีสหรัฐปรับตัวลดลงยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้งให้ดาวโจนส์ปิดร่วงลงในการซื้อขายเมื่อคืนที่ผ่านมาด้วย สำนักข่าวซินหัวรายงาน