มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ระบุว่า อุตสาหกรรมเหล็กกล้าของสหรัฐมีแนวโน้มซบเซาลงในอีก 18 เดือนข้างหน้า เนื่องจากบริษัทเหล็กเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ยากขึ้น หลังจากสถาบันการเงินเพิ่มข้อกำหนดเรื่องการปล่อยกู้ พร้อมคาดการณ์ว่าความต้องการเหล็กในปีหน้าจะลดน้อยลงด้วย
แครอล โคแวน รองประธานมูดีส์ กล่าวว่า "แม้ความต้องการเหล็กในสหรัฐเริ่มขยับขึ้นมาบ้าง แต่คาดว่าจะยังคงซบเซาในปีพ.ศ.2552 อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลสหรัฐประสบความสำเร็จในการผลักดันมาตาการกระตุ้นอุตสาหกรรมเหล็ก ก็จะช่วยพยุงอุตสาหกรรมให้อยู่รอดได้"
ส่วนปัจจัยอื่นๆที่ทำให้มูดีส์คาดว่า อุตสาหกรรมเหล็กของสหรัฐจะซบเซานั้น ครอบคลุมถึงราคาเหล็กที่ร่วงลงอย่างหนักในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา, ภาวะตลาดสินเชื่อตึงตัวทั่วโลก และตุ้นทุนการดำเนินงานที่พุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะต้นทุนการผลิตสินแร่เหล็กและถ่านหินสำหรับการหุงต้ม นอกจากนี้ ราคาเหล็กนำเข้าที่ถูกลงยังสร้างความเสียหายให้กับบริษัทผลิตเหล็กสหรัฐ เนื่องจากอุตสาหกรรมเหล็กทั่วโลกตกอยู่ในภาวะโอเวอร์ซัพพลาย
ทั้งนี้ โคแวนคาดว่า ผลประกอบการไตรมาส 4 ของบริษัทเหล็กในสหรัฐจะชะลอตัวลงและคาดว่าจะร่วงลงอีกจนถึงช่วง 2 ไตรมาสแรกของปีหน้า พร้อมกับแนะนำให้บริษัทผลิตเหล็กลดการใช้จ่ายและกระตุ้นสถาพคล่องให้เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า การที่มูดีส์ปรับลดแนวโน้มคาดการณ์อุตสาหกรรมเหล็กของสหรัฐสะท้อนให้เห็นว่า อุตสาหกรรมเหล็กภายในประเทศถดถอยลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยส่งผลให้ราคาเหล็กร่วงลง และบั่นทอนผลประกอบการของบริษัทเหล็กในปีนี้
นอกจากนี้ ธุรกิจที่ต้องใช้เหล็กเป็นวัตถุดิบแทบจะทุกประเภททั่วโลกได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะธุรกิจก่อสร้าง รถยนต์ ขนส่ง และอุปกรณ์ไฟฟ้า