นายเฉิน เต๋อหมิง รัฐมนตรีพาณิชย์ของจีน กล่าวกับนสพ.พีเพิล เดลี่ว่า จีนจะไม่ใช้วิธีการลดค่าเงินหยวนเพื่อส่งเสริมการส่งออก พร้อมยกตัวอย่างบางประเทศที่ใช้วิธีการปรับสกุลเงินของตนเองให้อ่อนค่า แต่ก็ไม่สามารถช่วยให้ยอดส่งออกสินค้าฟื้นตัวจากช่วงขาลงได้ โดยจีนหวังว่าทุกประเทศจะร่วมมือกันเพื่อทำให้ตลาดปริวรรตเงินตรามีเสถียรภาพ
ทั้งนี้ จีน ซึ่งเผชิญผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งร้ายแรงและวิกฤตการเงินโลกที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 100 ปี ยังคงสามารถรักษาระดับการขยายตัวทางการค้าระหว่างประเทศได้ในปีนี้ แม้ว่าการส่งออกของจีนไปยังยุโรป สหรัฐ และญี่ปุ่น ขยายตัวในระดับที่ชะลอตัวมาก แต่ยอดขายสินค้าของจีนในประเทศตลาดเกิดใหม่ อาทิ อินเดีย และ บราซิล กลับเติบโตอย่างรวดเร็ว
รมว.พาณิชย์จีนประมาณการณ์ว่า การนำเข้าและส่งออกของจีนจะทะลุระดับ 2.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ เพิ่มขึ้นประมาณ 18% จากปีก่อน ซึ่งจำนวนดังกล่าวครอบคลุมการค้าในภาคบริการมูลค่ากว่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
นายเฉินกล่าวว่า เนื่องด้วยวิกฤตการเงินมีแนวโน้มรุนแรงยิ่งขึ้น จีนจึงจะเผชิญกับความท้าทายที่หนักหนาสาหัสยิ่งกว่าในปีหน้าในการที่จะรักษาระดับการค้ากับต่างประเทศไว้ได้ต่อไป
เขากล่าวด้วยว่า อุปสงค์ที่หดตัวอย่างต่อเนื่องจากสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งเผชิญประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอยนั้น มีสาเหตุสำคัญมาจากการใช้มาตรการกีดกันทางการค้าและความขัดแย้งทางการค้าที่เพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม นายเฉินกล่าวว่า แม้จีนไม่ใช้นโยบายลดค่าเงินหยวน แต่ก็มีปัจจัยบวกหลายประการที่จะสามารถส่งเสริมการส่งออกได้ ตัวอย่างเช่น การเพิ่มเงินคืนภาษีสำหรับผู้ส่งออก และการขยายสินเชื่อให้กับธุรกิจขนาดเล็ก ขณะเดียวกัน การส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภคของจีนก็ยังคงสามารถแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้ และมีศักยภาพที่จะขยายตัวในตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา สำนักข่าวซินหัวรายงาน