สหรัฐเผยยอดการใช้จ่ายผู้บริโภคหดตัวลงน้อยกว่าที่คาดการณ์ในเดือนพ.ย. หลังจากที่ราคาน้ำมันถูกลงจนทำให้ประชาชนมีเงินเหลือสำหรับการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี นับเป็นส่งสัญญาณให้เห็นว่าการใช้จ่ายจะยังลดลงต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า
กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคหดตัวลง 0.6% ในเดือนพ.ย. ซึ่งถือว่ามีการกระเตื้องขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน แต่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งแตะ 586,000 ราย ในขณะที่ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนก็หดตัวน้อยเกินคาด
สภาพตลาดแรงงานที่ย่ำแย่สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคอาจลดการใช้จ่ายลงอีก นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากคาดการณ์ว่าจะมีคนตกงานเพิ่มขึ้นกว่า 400,000 รายในเดือนนี้ ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวกดดันให้เซียร์ส โฮลดิงส์ คอร์ป เจ้าของห้างสรรพสินค้ารายใหญ่สุดในสหรัฐ ต้องปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการลง
"สภาพเศรษฐกิจปัจจุบันยังย่ำแย่ ที่ร้ายไปกว่านั้นแนวโน้มเศรษฐกิจช่วงครึ่งแรกของปีหน้าก็ไม่สู้ดีนัก" คาร์ล ริคคาดอนนา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากดอยช์ แบงค์ ซีเคียวริตีส์ อิงค์ ในนิวยอร์ก กล่าว "เราคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะหดตัวลงอีก ซึ่งจะทำให้การโละพนักงานพุ่งขึ้นเรื่อยๆ"
การใช้จ่ายผู้บริโภคลดลงน้อยเกินคาดเพราะราคาน้ำมันร่วงลงรวมกันกว่า 50% ในเดือนต.ค.และ พ.ย. นอกจากนั้นร้านค้าอย่างทอย อาร์ อัส ไปจนถึง วอล-มาร์ท ยังใช้กลยุทธ์ลดราคาสินค้าเพื่อดึงดูดลูกค้าด้วย
"การใช้จ่ายที่แท้จริงของผู้บริโภคยังไม่น่าจะดีขึ้นอย่างยั่งยืน เนื่องจากอัตราว่างงานยังอยู่ในระดับสูง" เบนจามิน เรตซ์ นักเศรษฐศาสตร์จากบีโอเอ็ม แคปิตอล มาร์เก็ตส์ ในโทรอนโต กล่าว "การที่การใช้จ่ายผู้บริโภคเริ่มกระเตื้องขึ้นเป็นเพราะราคาน้ำมันที่ลดลงมากกว่า" สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน