"กรณ์"เชื่อแพ็คเกจกระตุ้นศก.ดันGDPปี 52โตกว่าคาด รับไทยเข้าสู่ขาดดุลแฝด

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday December 25, 2008 16:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ที่รัฐบาลเตรียมจะประกาศออกมาในเดือนม.ค.52 จะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวได้มากกว่าที่คาดไว้ในรดับ 0-2% แต่ภาคเอกชนก็ต้องมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนด้วย ดังนั้น รัฐบาลจึงจำเป็นต้องเร่งฟื้นความเชื่อมั่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนั้น ยังหวังว่าผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าจะมีส่วนช่วยเศรษฐกิจไทยอีกทางหนึ่งด้วย

"เราหวังผลว่ามาตรการของรัฐบาลจะทำให้จีดีพีไทยสามารถขยายตัวได้ และอยากให้ทุกไตรมาสมีการขยายตัวเป็นบวกถ้าทำได้ ซึ่งตารางเวลาในการนำเสนอมาตรการ โดยเฉพาะมาตรการระยะสั้น ก็จะมีออกมาในเดือนมกราคม 52 นี้"นายกรณ์ กล่าว

นายกรณ์ กล่าวว่า ไทยกำลังเข้าสู่ยุคขาดดุลแฝดทั้งดุลบัญชีเดินสะพัดและดุลการคลัง ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ได้ประเมินไว้แล้วว่าต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน โดยเฉพาะแนวโน้มการส่งออกที่ขยายตัวลดลงตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า และคาดว่าเดือน ธ.ค.การส่งออกจะไม่ดีต่อเนื่อง ส่งผลทำให้เกิดการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด และในที่สุดจะมีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยน

รัฐบาลกำลังจัดทำงบกลางปีงบประมาณ 52 อีก 1 แสนล้านบาทเพื่อนำเสนอต่อรัฐสภาในเดือน ม.ค.52 โดยในระยะนี้ก็จะให้สถาบันการเงินของรัฐเร่งรัดการปล่อยสินเชื่อรูปแบบต่างๆ เพื่อให้มีสภาพคล่องในระบบจนกว่ารัฐบาลจะมีเม็ดเงินงบประมาณอัดฉีดเข้าสู่ระบบ ซึ่งได้หารือกับธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอีแบงก์)และเตรียมหารือกับธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)

นายกรณ์ กล่าวว่า สถาบันการเงินของรัฐมีบทบาทสำคัญในการปล่อยสินเชื่อเข้าสู่ระบบ สามารถปล่อยสินเชื่อได้สูงกว่าระบบธนาคารพาณิชย์โดยรวม มีอัตราการปล่อยสินเชื่อต่อเงินฝาก 100% ขณะที่ระบบธนาคารพาณิชย์อยู่ที่ 95% ดังนั้น จึงต้องเร่งเพิ่มบทบาทของสถาบันการเงินรัฐมากขึ้น

นอกจากนั้น ยังจะมีมาตรการเพิ่มรายได้ในลักษณะเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ส่วนหนึ่งจะมาจากเงินงบประมาณและบางส่วนมาจากการใช้เงินของสถาบันการเงินของรัฐ ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาในรายละเอียด และหารือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี

ส่วนนโยบายเรียนฟรีถือเป็นแนวคิดสำคัญในการลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน รัฐบาลได้เคยทดลองนโยบายนี้ผ่านกรุงเทพมหานครในปีงบประมาณ 51 ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างดี ดังนั้น รัฐบาลจึงตั้งใจจะผลักดันนโยบายนี้ต่อ โดยได้สำรองงบประมาณดำเนินการไว้เรียบร้อยแล้ว และส่วนหนึ่งมาจากงบกลางปีด้วย

"จากการหารือกับนายกรัฐมนตรีก็ทราบดีว่ามีข้อจำกัดทางกฎหมายในการขาดดุลงบประมาณ การกู้ได้เพิ่มเติม ก็ทำในรูปของการขาดดุลงบประมาณ ได้อีก 1.8 แสนล้านบาท จากเดิมเป็นงบกลางปี 1 แสนล้านบาท ถ้าจำเป็นอัดฉีดเงินเข้าระบบ ก็ผ่านมาตรการอื่นๆ ก็จะต้องมาจากแหล่งเงินอื่นๆ"นายกรณ์ กล่าว

นายกรณ์ กล่าวถึงการที่ประเทศเวียดนามประกาศลดค่าเงินดองอีก 3% ว่า ไม่น่าส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาท แต่การลดค่าเงินดองของเวียดนาม เนื่องจากขณะนี้เวียดนามมีปัญหาทางเศรษฐกิจและเวียดนาม มีการแทรกแซงและบริหารจัดการ อัตราแลกเปลี่ยนมาตลอด จึงทำให้อัตราแลกเปลี่ยนสอดคล้องกับตลาดมากกว่า การลดค่าเงินของเวียดนามอาจมีผลกระทบต่อราคา แต่ไม่มีผลต่อค่าเงินบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ