ยอดขาดดุลการค้าของเวียดนามพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2551 โดยมีสาเหตุจากการนำเข้าเครื่องมือเครื่องจักรเพื่อใช้สำหรับก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันแห่งแรกของประเทศที่ตั้งอยู่บริเวณเขตเศรษฐกิจพิเศษยวุ๋ง กว๊าด (Dung Quat) จ.กว๋างหงาย ซึ่งมีกำหนดเปิดใช้งานในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า
สำนักงานสถิติแห่งชาติของเวียดนามเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าในปีนี้ปรับตัวสูงขึ้น 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับที่ขาดดุล 1.41 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปีก่อนหน้านี้ โดยยอดส่งออกขยายตัวขึ้น 29.5% แตะที่ 6.291 หมื่นล้าน ขณะที่ยอดนำเข้าไต่ระดับขึ้น 27.5% สู่ระดับ 7.992 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยยอดนำเข้าเครื่องมือเครื่องจักรพุ่งสูงขึ้น 22% แตะที่ 1.361 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
แอนโทนี่ นาฟเต นักวิเคราะห์จาก CLSA Asia-Pacific Markets ในฮ่องกงกล่าวกับบลูมเบิร์กว่า "รัฐบาลเวียดนามกำลังเร่งกระตุ้นการลงทุนที่ทำให้ต้องนำเข้าสินค้าจำนวนมาก ทั้งนี้ ตัวเลขขาดดุลการค้าจะเพิ่มขึ้นอีกในปีหน้า เนื่องจากรายได้การส่งออกปรับตัวลดลงสวนทางกับรายจ่ายในการนำเข้าสินค้าที่จำเป็นสำหรับโครงการสำคัญในประเทศ" ด้านบริษัท DWS Vietnam Fund Ltd. กล่าวถึงการดูแลสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในเวียดนามว่า ทางการเวียดนามควบคุมสถานการณ์ได้ดีตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยรัฐบาลเวียดนามสั่งคุมเข้มการออกสินเชื่อของธนาคารเพื่อหวังที่จะควบคุมการนำเข้าและลดช่วงว่างของตัวเลขขาดดุลการค้าที่เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกของเวียดนามปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบที่ 23% แตะระดับ 1.045 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ปรับตัวลดลง 8% ในแง่ของปริมาณ โดยราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในปีนี้ปรับตัวสูงขึ้น 40% จากปี 2550