มาสเตอร์การ์ด แอ็ดไวเซอร์ส เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกในสหรัฐช่วงเทศกาลวันหยุดร่วงลงอย่างหนักถึง 4% เนื่องจากผู้บริโภคควบคุมการใช้จ่ายด้วยการเลือกซื้อเฉพาะสินค้าที่จำเป็น ด้วยการลดการซื้อเสื้อผ้า สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องประดับอัญมณี
ข้อมูลจาก SpendingPulse ของมาสเตอร์การ์ด แอ็ดไวเซอร์สระบุว่า ตัวเลขการใช้จ่ายในช่วงเวลาดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เริ่มทำข้อมูลในปี 2545 โดยนายไมเคิล แมคนามารา รองประธานฝ่ายวิเคราะห์และวิจัยของมาสเตอร์การ์ดได้ประมาณการยอดขายที่ไม่นับรวมยานยนต์และน้ำมันเบนซินซึ่งปรับตัวลดลง 2% สู่ระดับ 4% นับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.-24 ธ.ค.2551
โดยในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น ยอดขายเสื้อผ้าสตรีปรับตัวร่วงลง 23% และเสื้อผ้าบุรุษลดลง 14% ขณะที่ยอดขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ในบ้านดิ่งลง 27% ส่วนยอดขายสินค้าฟุ่มเฟือยซึ่งรวมถึงเครื่องประดับอัญมณีทรุดตัวลง 35%
ผู้บริโภคกำลังเผชิญสถานการณ์ที่ยากลำบากจากภาวะตลาดสินเชื่อตึงตัวและอัตราว่างงานที่พุ่งสูงสุดในรอบ 15 ปี ทำให้ต้องลดทอนรายจ่ายในการซื้อของขวัญลง ซึ่งภาวะดังกล่าวส่งผลกระทบต่อตัวเลขผลกำไรของร้านค้าและทำให้บรรยากาศการซื้อช่วงเทศกาลวันหยุดซบเซามากที่สุดในรอบ 4 ปี
ทั้งนี้ ข้อมูลของ SpendingPulse มีขึ้นหลังจากที่มีการคาดการณ์ถึงยอดขายที่ตกต่ำในกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆที่คาดว่ายอดขายตามร้านค้าต่างๆอาจร่วงลงหนักสุด 2% ในเดือนพ.ย.-ธ.ค. ซึ่งรุนแรงกว่าที่คาดว่าจะลดลง 1%