นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน กล่าวในการประชุมที่กรุงปักกิ่งวันนี้ว่า จีนจำเป็นต้องใช้นโยบายใหม่ๆเพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศที่มีประชากรสูงถึง 1.3 พันล้านคน เพื่อชดเชยผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เพราะการส่งออกที่ร่วงลง
ผู้ว่าแบงค์ชาติจีน กล่าวว่า แม้ว่ารัฐบาลจะให้คำมั่นเรื่องการกระตุ้นการบริโภคเพื่อรักษาระดับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่จีนก็ยังคงมีปัญหาว่าจะนำมาตรการใดมากระตุ้นการใช้จ่ายและจะใช้ในพื้นที่ใดบ้าง นโยบายทางเศรษฐกิจที่ผ่านมาไม่สามารถสร้างสมดุลในด้านการค้าและการลงทุนได้ โดยสัดส่วนของการบริโภคในผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศตกลงมาต่ำกว่าระดับ 50% จากระดับ 60% เมื่อ 10 ปีที่แล้ว
บลูมเบิร์กรายงานว่า เมื่อเดือนที่แล้ว นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่าของจีน ได้ประกาศมาตรการกระตุ้น 4 ล้านล้านหยวน หรือ 5.84 แสนล้านดอลลาร์ เนื่องจากเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกนับตั้งแต่ที่เกิดเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ (the Great Depression) ที่ทำให้ความต้องการสินค้าส่งออกลดลง รัฐบาลยังได้เพิ่มเงินชดเชยที่จ่ายให้กับเกษตรกรเพื่อซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกที่ใช้ภายในบ้าน การลดภาษีอสังหาริมทรัพย์ และกำลังอยู่ในระหว่างการจัดเตรียมนโยบายเพื่อกระตุ้นยอดขายรถในตลาดภายในประเทศ
เบน ซิมเฟนดอร์ฟเฟอร์ นักเศรษฐศาสตร์ของโรยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ กล่าวว่า การบริโภคภายในครัวเรือนของจีนอยู่ในระดับต่ำสุดเช่นเดียวกับหลายประเทศในเอเชีย เนื่องจากครัวเรือนต่างๆยังคงระมัดระวังการใช้จ่าย และคาดว่า การขยายตัวด้านการบริโภคภายในครัวเรือนจะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 5% ในปีนี้ หลังจากที่ขยายตัวขึ้น 10% ในปีที่แล้ว
ผู้ว่าแบงค์ชาติจีนกล่าวต่อไปว่า เศรษฐกิจสหรัฐก็มีปัญหาไปอีกแบบ เนื่องจากการบริโภคที่สูงไปและอัตราการออมต่ำเกินไป การใช้นโยบายของคณะทำงานของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ในปัจจุบัน เพื่อกระตุ้นการบริโภคนั้น ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาเศรษฐกิจระดับโครงสร้างในระยะยาว ก่อนที่จะเกิดวิกฤตไปทั่วโลกนั้น ประเทศต่างๆเรียกร้องจีนให้เพิ่มการบริโภค และให้สหรัฐเพิ่มการออม แต่ตอนนี้ สหรัฐกำลังออกนโยบายกระตุ้นการบริโภค ซึ่งไม่สอดคล้องกับความจำเป็นในระยะยาวของประเทศที่จำเป็นต้องเพิ่มการออม