นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม เตรียมของบประมาณกลางปีจากรัฐบาลเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมที่ขอไปแล้ว 5,000 ล้านบาท เพื่อนำมาเสริมความสามารถในการแข่งขันให้แก่ภาคเอกชนไทยเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในต่างประเทศ
นอกจากนี้ยังมีแนวคิดจะออกมาตรการเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น โดยจะไม่จัดเก็บภาษีสำหรับนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งนโยบายดังกล่าวเชื่อว่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ต่างชาติและดึงเม็ดเงินจากต่างประเทศเข้าสู่ประเทศไทยได้จำนวนมาก ทั้งนี้เพราะหลังจากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลกทำให้นักลงทุนมองหาตลาดใหม่ที่มีต้นทุนต่ำ
"ส่วนผลประโยชน์ที่ได้ ก็จะคุ้มค่ากับรายได้ที่เสียไป เพราะเม็ดเงินที่นำมาลงทุนจะสร้างงานให้กับคนในประเทศได้ แต่ต้องมีกรอบว่าจะให้ปลอดภาษีกี่ปี" นายชายชัย กล่าว
รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า เตรียมจะเสนอรายละเอียดของแนวคิดดังกล่าวให้นายกรัฐมนตรีรับทราบเร็วๆ นี้ และคาดว่าจะเห็นเป็นรูปธรรมภายใน 6 เดือน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาข้อกฎหมายเรื่องการลงทุนว่าการไม่จัดเก็บภาษีจะมีผลทางกฎหมายหรือไม่ นอกจากนี้ยังเตรียมที่จะประเมินผลงานตนเองในระยะเวลา 3 เดือน โดยอาศัยดัชนีชี้วัดจากนักลงทุนและเสียงตอบรับจากภาคอุตสาหกรรม
ด้านนายปราโมทย์ วิทยาสุข อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ระบุว่า ต้องการใช้งบกลางปีจำนวน 1,000 ล้านบาท เพื่อลดต้นทุนการผลิตภาคอุตสาหกรรม โดยจะใช้งบประมาณต่อรายเฉลี่ย 200,000-300,000 บาท ซึ่งงบดังกล่าวจะเป็นค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างที่ผู้เชี่ยวชาญหรือที่ปรึกษา เพื่อศึกษาโครงสร้างและสภาพต้นทุนการผลิตของโรงงานแต่ละแห่งว่าจะสามารถลดต้นทุนส่วนใดลงได้บ้าง