นายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภว่า ที่ประชุมกำหนดพิกัดน้ำหนักรถบรรทุก 22 ล้อ 6 เพลา มีมติขยายเวลาผ่อนผันให้รถบรรทุก 22 ล้อ สามารถบรรทุกสินค้าน้ำหนัก 53 ตัน ต่อไปอีก 6 เดือน จนถึงวันที่ 30 มิ.ย.52 เพราะยังไม่มีข้อสรุปว่าน้ำหนักบรรทุกที่เหมาะสมของรถบรรทุกดังกล่าวควรเป็นเท่าใด
ที่ประชุมได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมการขนส่งทางบก และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องจัดตั้งคณะกรรมการพิจารณาน้ำหนักบรรทุกที่เหมาะสม โดยต้องได้ข้อสรุปภายใน 3 เดือน
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นเห็นว่าการที่รถ 22 ล้อ บรรทุกน้ำหนัก 53 ตันถือว่าเต็มที่แล้ว หากบรรทุกน้ำหนักเกินกว่านี้จะมีผลกระทบต่อสภาพพื้นผิวถนน และที่สำคัญกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท เป็นห่วงโครงสร้างสะพาน ซึ่งอาจได้รับความเสียหายจากน้ำหนักบรรทุกที่มากเกินไป
"การบรรทุกน้ำหนักมากๆ จะทำลายโครงสร้างสะพาน เห็นได้จากสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกงซึ่งปัจจุบันเกิดปัญหาโครงสร้างร้าว กรมทางหลวงเป็นห่วงว่าถ้าอนุญาตให้บรรทุกน้ำหนักมากเกินไป จะทำให้โครงสร้างสะพานทรุดตัวได้ และการแก้ไขปัญหาสะพาน จะยากกว่าการซ่อมแซมผิวถนนและต้องใช้เวลามากกว่า" นายถวัลย์รัฐ กล่าว
ทั้งนี้ การกำหนดน้ำหนักบรรทุก จะต้องพิจารณาถึงโครงสร้างรถบรรทุกด้วยว่า มีระยะห่างระหว่างล้อเท่าใด ความกว้างความยาวของตัวรถเป็นอย่างไร เพราะน้ำหนักและโครงสร้างของรถจะมีผลต่อแรงกดทับถนน
ด้านนายชาญชัย สุวิทธะกุล ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบการขนส่งและจราจร สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) กล่าวว่า รถบรรทุก 22 ล้อ เริ่มเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เพราะผู้ประกอบการจะประหยัดต้นทุนค่าขนส่ง แต่กฎหมายยังไม่ได้กำหนดน้ำหนักบรรทุกที่เหมาะสมสำหรับรถประเภทนี้ ซึ่งกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท มีความเห็นว่าน้ำหนักบรรทุกที่เหมาะสมควรอยู่ระหว่าง 48-50 ตัน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้กลุ่มผู้ประกอบการขนส่งยื่นข้อเสนอว่าควรอนุญาตให้รถบรรทุก 22 ล้อ สามารถบรรทุกน้ำหนักได้มากกว่า 53 ตัน แต่ภาครัฐได้เจรจาต่อรองโดยให้บรรทุกน้ำหนักที่ 53 ตัน จนกว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสรุปน้ำหนักบรรทุกที่เหมาะสมว่าควรเป็นเท่าใด