นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากหารือกับตัวแทน บริษัท ขนส่ง จำกัด(บขส.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)ได้ขอความร่วมมือผู้บริหารสถานีขนส่งทุกแห่ง และสถานีรถไฟ ตรวจสอบดูแลการจำหน่ายสินค้าให้มีราคาปกติโดยทันที หลังจากการตรวจสอบพบว่ามีสินค้าหลายรายการขายราคาสูงเกินจริง และสูงกว่าท้องตลาดทั่วไป โดยเฉพาะอาหารสำเร็จรูป ที่สูงจากราคาทั่วไปจานละ 5 บาท และขอให้เป็นความร่วมมือแบบระยะยาว ไม่ใช่เฉพาะช่วงเทศกาลสำคัญเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ม.ค.52 เป็นต้นไป ราคาจำหน่ายสินค้าตามสถานีขนส่งต่างๆ ต้องเป็นไปตามราคาปกติด้วย เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชัดเจนในปี 52
"สินค้าหลายอย่าง ทั้งข้าวราดแกง มีราคาเพิ่มจากปกติมาก ที่อื่นขาย 25 บาท แต่ที่สถานีขนส่งขาย 30 บาท ซึ่งไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค จะมาอ้างว่าค่าเช่าพื้นที่สูงกว่าที่อื่นก็คงไม่ใช่ เพราะในช่วงเทศกาล ที่มีประชาชนอาศัยการขนส่ง และจำเป็นต้องใช้บริการเรื่องอาหารการกินในพื้นที่สถานีขนส่ง ทำให้ปริมาณการขายมีมากกว่าปกติ การขึ้นราคาที่มากจนเกินไป ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง และเอาเปรียบประชาชน" นายยรรยง กล่าว
อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวอีกว่า ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ ตรวจสอบดูแล ให้ร้านค้าจำหน่ายสินค้าอื่นๆ ในสถานีขนส่ง และสถานีรถไฟที่มีราคาสูงขึ้นกว่าปกติ 20-30 % นั้น ให้จำหน่ายสินค้าในราคาปกติ เช่น น้ำดื่ม ของขบเคี้ยว และกำชับผู้ค้าให้จำหน่ายในราคาที่แท้จริง ส่วนอัตราค่าโดยสาร ทั้งรถโดยสารประจำทาง รถตู้ หรือรถแท็กซี่ ที่อาจจะมีราคาที่สูงกว่าปกตินั้น กรมการค้าภายในไม่มีหน้าที่ตรวจสอบดูแลโดยตรง แต่จะประสานงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลโดยตรงคือ กรมขนส่งทางบก ไปตรวจสอบอีกครั้ง
สำหรับพื้นที่อื่น ๆที่ไม่พบการจำหน่ายที่ผิดปกติ โดยกรมจะส่งเจ้าหน้าที่ดูแลราคาสินค้า ที่คาดว่าจะมีการฉวยโอกาสขึ้นราคา ซึ่งหากพบเห็นผู้จำหน่ายไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้า มีโทษปรับ 10,000 บาท หากกักตุนสินค้า หรือจำหน่ายเกินราคา มีโทษจำคุก 7 ปี หรือปรับ 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ