สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับยูโรและเยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (30 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายดอลลาร์เพื่อปรับพอร์ทการลงทุนช่วงปลายปี ขณะที่ค่าเงินปอนด์ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง จากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางอังกฤษจะลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.4072 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3976 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินปอนด์ดิ่งลงแตะระดับ 1.4428 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.4491 ดอลลาร์/ปอนด์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเยนที่ 90.280 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 90.560 เยน/ดอลลาร์ และอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0578 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0592 ฟรังค์/ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียฟื้นตัวขึ้นแตะระดับ 0.6904 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.6870 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนตัวลงแตะระดับ 0.5770 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.5783 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ไมเคิล วูลฟอล์ค นักวิเคราะห์ด้านปริวรรตเงินตราจากแบงค์ ออฟ นิวอร์ก เมลลอน คอร์ป กล่าวว่า นักลงทุนเทขายดอลลาร์สหรัฐเพราะต้องการปรับพอร์ทการลงทุนช่วงปลายปี จึงทำให้ดอลลาร์อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนและยูโร อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์ยังคงแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบเงินปอนด์ หลังจากมีข่าวว่ารัฐบาลสหรัฐตัดสินใจเข้าช่วยเหลือบริษัทสินเชื่อรถยนต์ในเครือของเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม)
กระทรวงการคลังสหรัฐเข้าซื้อหุ้นมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ในจีแม็ก แอลแอลซี (GMAC) ซึ่งเป็นบริษัทสินเชื่อเพื่อรถยนต์ในเครือ (จีเอ็ม) นอกจากนี้ กระทรวงจะอนุมัติวงเงินกู้เพิ่มเติมอีก 1 พันล้านดอลลาร์ให้กับจีเอ็ม เพื่อให้จีเอ็มมีความคล่องตัวในการปรับโครงสร้างองค์กร
ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อนุมัติให้จีแม็ก เปลี่ยนสถานะเป็นธนาคารโฮลดิ้ง ซึ่งการเปลี่ยนสถานะจีแม็กเป็นธนาคารโฮลดิ้งถือเป็นการเปิดทางให้จีแม็กสามารถเข้าถึงกองทุนฟื้นฟูภาคการเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์ของรัฐบาลสหรัฐ และจะทำให้จีแม็กสามารถปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อยานยนต์ให้กับลูกค้าจีเอ็มได้ต่อไป
สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐในเดือนธ.ค.ร่วงลงแตะระดับ 38 จุด จากเดือนพ.ย.ที่ 44.7 จุด และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 45 จุด