สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนามเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของเวียดนามขยายตัวเพียง 6.2% ปีนี้ ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่ช้าที่สุดในรอบ 9 ปี จากระดับในปี 2550 ที่ขยายตัว 8.5% และต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่ 6.7% เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้นและการที่สถาบันการเงินใช้มาตรการเข้มงวดมากขึ้นในการปล่อยกู้ตั้งแต่ช่วงต้นปีได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง นอกจากนี้ ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยยังทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของเวียดนามซบเซาลงด้วย
เชอร์แมน ชาน นักวิเคราะห์จาก Moody’s Economy.com กล่าวว่า "เศรษฐกิจภายในประเทศที่ขยายตัวร้อนแรงเกินไปในช่วงครึ่งปีแรกส่งผลให้รัฐบาลเวียดนามใช้มาตรการคุมเข้มการปล่อยกู้ ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดยุคเฟื่องฟูของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เคยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมก่อสร้างให้ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกถดถอยจะยิ่งทำให้ความต้องการภายในประเทศลดลงอีกและอาจฉุดรั้งเศรษฐกิจเวียดนามให้ชะลอตัวลงอีกในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า"
ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) อนุมัติเงินกู้ให้เวียดนามเป็นมูลค่ากว่า 60.5 ล้านดอลลาร์ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์หลัก 3 ประการ ได้แก่ การบรรเทาความยากไร้ การให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินกับผู้ประสบภัย และการพัฒนาการท่องเที่ยว โดยเงิน 25 ล้านดอลลาร์จากทั้งหมดจะถูกนำไปใช้ในโครงการบรรเทาความยากไร้ โดยผ่านการปฏิรูปนโยบายการเมืองและการบริหารทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งนำไปใช้ในโครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมปี 2549-2553 ด้วย
ส่วนเงินอีก 25.5 ล้านดอลลาร์จะนำไปซ่อมแซมสาธารณูปโภคในชนบทที่ได้รับความเสียหายจากเหตุอุทกภัย ซึ่งคาดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนกว่า 450,000 คน และเงินที่เหลืออีก 10 ล้านดอลลาร์จะนำไปพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในจังหวัดที่เต็มไปด้วยหุบเขาอย่างจังหวัดกาวบ่างและบัคเกิ่น ทางภาคเหนือของประเทศ รวมถึงจังหวัดก๋วงบิง ก๋วงตริ และถัวเทียนเว้ ทางภาคกลางของประเทศ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน