ซินหัวจัดอันดับ 10 ข่าวเด่นปีหนู วิกฤติการเมืองไทยเข้าป้ายอันดับ 3

ข่าวต่างประเทศ Wednesday December 31, 2008 17:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักงานซินหัวของจีนจัดอันดับ 10 ข่าวเด่นรอบโลกประจำปีพ.ศ.2551 ดังนี้

อันดับที่ 1. ราคาน้ำมันดิบผันผวนหนักจุดชนวนกระแสตื่นตระหนกทั่วโลก

เมื่อวันที่ 2 ม.ค.2551 ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX พุ่งขึ้นแตะระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรก ก่อนที่จะทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 147.27 ดอลลาร์/บาร์เรลในวันที่ 11 ก.ค. ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลกว่า ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นรุนแรงเช่นนี้อาจส่งผลให้เกิดภาวะ Stagflation (ภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงแต่มีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น)

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบดิ่งลงอย่างหนักในช่วงปลายปี โดยเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา ราคาร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีที่ 33.87 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลง และการเก็งกำไรในตลาดลดลง

อันดับที่ 2. พายุนาร์กิสถล่มพม่าราบคาบ

3 พ.ค. 2551 เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติในพม่า ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านใกล้ชิดของไทย คือพายไซโคลนนาร์กิสซึ่งก่อตัวขึ้นบริเวณอ่าวเบงกอลตอนกลางพร้อมถาโถมขึ้นฝั่งอิระวดี ด้วยความเร็วสูงสุดเกือบถึง 215 กม./ชม.จนทำให้มีผู้เสียชีวิตหรือสูญหายถึง 138,000 คน และประชาชนไร้ที่อยู่อาศัย 2.4 ล้านคน ขณะที่พื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง นอกจากนี้ พายุไซโคลนนาร์กิสยังถูกบันทึกว่าเป็นวาตภัยครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 100 ปีของพม่าและอาจรุนแรงที่สุดในแถบประเทศเอเชีย

อันดับที่ 3. ประเทศไทยถูกกระทบหนักจากวิกฤตการณทางการเมือง

25 พ.ค.2551 กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ได้รวมตัวกันครั้งใหญ่เพื่อขับไล่รัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช พร้อมกับบุกยึดทำเบียบรัฐบาลในวันที่ 26 ส.ค. จนกระทั่งวันที่ 9 ก.ย.ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวินิจว่าการจัดรายการทีวีของนายสมัครว่าเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญในประเด็นคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรี จึงทำให้นายสมัครพ้นจากตำแหน่ง จากนั้นวันที่ 17 ก.ย. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ก็ถูกต่อต้านอย่างรุนแรงจากกลุ่มพธม. จนกระทั่งวันที่ 2 ธ.ค.ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์วินิจฉัยให้ยุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ส่งผลให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พ้นสภาพจากการเป็นนายกรัฐมนตรี

15 ธ.ค.2551 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี

อันดับที่ 4. ประเด็นนิวเคลียร์ส่งผลสถานการณ์คาบสมุครเกาหลีคุกรุ่น

ประเด็นนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลในคาบสมุทรเกาหลี โดยนายคริสโตเฟอร์ ฮิลล์ ผู้แทนการเจรจานิวเคลียร์ 6 ฝ่ายจากสหรัฐ เปิดเผยว่า การประชุมเพื่อยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือที่จัดขึ้นที่กรุงปักกิ่งนั้น ยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับร่างข้อตกลง ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐเปิดเผยว่า เกาหลีเหนือยังมีโอกาสกลับเข้ามาอยู่ในรายนามประเทศที่ให้การสนับสนุนการก่อการร้าย

อันดับที่ 5. จีนประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ปักกิ่ง

มหกรรมกีฬาโอลิมปิกปักกิ่งเมื่อวันที่ 8-24 ส.ค. ทำให้จีนสร้างปรากฎการสำเร็จในฐานะเจ้าภาพจัดงาน โดยบริษัทวิจัย นีลเซ่น มีเดีย รีเสิร์ช เปิดเผยว่า มีผู้ชมชาวอเมริกันประมาณ 211 ล้านคนติดตามการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกทั้ง 16 วันผ่านเครือข่ายโทรทัศน์และเคเบิลทีวีรวมทั้งเว็บไซต์ของสถานีเอ็นบีซี ซึ่งเป็นสถิติผู้ชมสูงสุด มากกว่าจำนวนผู้ชมแอตแลนตา เกมส์ 2000 และ เอเธนส์ เกมส์ 2004 ถึงประมาณ 11%

ขณะที่นายฌาคส์ ร็อกก์ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ระบุว่าชาวจีนเกือบ 1,300 ล้านคนทั่วประเทศติดตามชมพิธีปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเมื่อคืนวันที่ 24 สิงหาคม ทำให้โอลิมปิกครั้งนี้เป็นการแข่งขันกีฬาที่มีผู้ชมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของการจัดแข่งขัน

อันดับที่ 6. สงครามรัสเซีย-จอร์เจีย จุดชนวนความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย สหรัฐ และยุโรป

ความพยายามที่จะแยกตัวเป็นอิสระของเขตแคว้นต่างๆที่อยู่ในอาณัติของประเทศที่สามารถแยกตัวจากอดีตสาธารณรัฐสหภาพโซเวียตยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง วิกฤติการณ์นี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อจอร์เจียส่งทหารเข้าไปในเขตเซาธ์ ออสเซเทีย ที่พยายามแยกตัวออกจากจอร์เจียและมีจุดยืนในการสนับสนุนรัสเซีย ส่งผลให้รัสเซียตอบโต้ด้วยการใช้กำลังอย่างรุนแรงจนกลายเป็นสงครามไปในที่สุด การปะทะกันครั้งนี้ทำให้นานาประเทศต่างวิตกกังวล เนื่องจากจอร์เจียเป็นเส้นทางลำเลียงน้ำมันทางเรือที่สำคัญไปยังกลุ่มประเทศตะวันออก ซึ่งนักลงทุนมองว่าสถานการณ์ความรุนแรงนี้อาจส่งผลกระทบต่อภาวะอุปทานพลังงานในชาติตะวันตก อีกทั้งยังตอกย้ำถึงการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายระหว่างสหรัฐและรัสเซีย

อันดับที่ 7. วิกฤติการเงินลุกลามทั่วโลก

วันที่ 15 ก.ย.2551 ตลาดการเงินทั่วโลกตกอยู่ในภาวะตื่นตระหนกเมื่อเลห์แมน บราเธอร์ส วาณิชธนกิจรายใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐ ล้มละลาย ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่าวิกฤติซับไพรม์ได้ลุกลามเข้าไปสร้างความเสียหายในระบบการเงินทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ต่อด้วยบริษัทประกันอันดับหนึ่งของโลก อเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (เอไอจี) ที่ขาดสภาพคล่องอย่างหนักจนรัฐบาลสหรัฐต้องเข้าอุ้มกิจการ นอกจากนี้ ผลข้างเคียงจากวิกฤติฟองสบู่แตกในสหรัฐยังลุกลามไปถึงยุโรป โดยธนาคารในยุโรปหลายแห่งล้มละลาย รวมถึงธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง ฟอร์ติส

อันดับที่ 8. บารัค โอบามา คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

4 พ.ย.2551 สถานีโทรทัศน์ทั่วโลกถ่ายทอดภาพของนายบารัค โอบามา ที่ปรากฏตัวบนเวทีปราศรัยหลังได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งประวัติศาสตร์ท่ามกลางเสียงโห่ร้องกึกก้องแสดงความยินดีของฝูงชนกว่าแสนชีวิต ณ สวนสาธารณะ แกรนท์ พาร์ค เมืองชิคาโก้ รัฐอิลลินอยส์ ซึ่งถือเป็น“การเปลี่ยนแปลง" ครั้งใหญ่ในแผ่นดินอเมริกา สมดังจุดยืนการหาเสียงของเขาที่ว่า “CHANGE"

นอกจากนี้ รัฐบาลเคนย่าประกาศให้วันที่ 6 พ.ย.เป็นวันหยุดราชการ เพื่อเป็นเกียรติและเฉลิมฉลองให้กับโอบามา ทั้งนี้ก็เพราะชาวเคนย่าภาคภูมิใจและให้เกียรติโอบามาเป็นพิเศษ เนื่องจากโอบามามีเชื้อสายเคนย่านั่นเอง

อันดับที่ 9. นครมุมไบถูกผู้ก่อการร้ายโจมตี

วันที่ 26-29 ธ.ค. ตลาดเงินและตลาดทุนของอินเดียถูกสั่นคลอนอย่างหนักหลังจากกลุ่มก่อการร้ายได้เข้าโจมตีนครมุมไบเป็นเวลายาวนานเกือบ 60 ชั่วโมง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 195 คน รวมถึงชาวต่างชาติ 22 คน โดยผู้ก่อการร้ายพุ่งเป้าวางระเบิดโรงแรมหรู 2 แห่ง และสถานที่ที่ชาวต่างชาตินิยมไปท่องเที่ยว นอกจากนี้ รัฐบาลอินเดียสั่งเพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัยในสนามบินกรุงนิวเดลี บังกาลอร์ และเชนไน หลังจากกลุ่มก่อการร้ายที่ออกมาอ้างว่าเป็นผู้ลอบวางระเบิดที่เมืองมุมไบส่งอีเมล์ขู่ว่าจะโจมตีสนามบิน

อันดับที่ 10. ตะวันออกกลางระส่ำส่งท้ายปีหนู หลังอิสราเอล-ปาเลสไตน์เปิดฉากสู้รบทางอากาศ

วันที่ 27 ธ.ค.2551 กองกำลังทหารอิสราเอลได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในฉนวนกาซาของปาเลสไตน์ โดยพุ่งเป้าทำลายสำนักงานใหญ่ของสถานีโทรทัศน์ล-อัคซาของกลุ่มฮามาส และยังได้โจมตีศูนย์ฝึกทหารของฮามาสแห่งหนึ่งด้วย

ผู้นำอิสราเอลกล่าวว่าการยิงถล่มครั้งนี้เป็นการตอบโต้กองกำลังกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาที่ยิงจรวดเข้าใส่อิสราเอลเกือบทุกวันนับตั้งแต่สิ้นสุดข้อตกลงหยุดยิงเมื่อสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ด้านการทหารของอิสราเอลกล่าวว่า การตอบโต้ครั้งนี้อิสราเอลคงไม่ได้มีเป้าหมายที่จะเข้ายึดครองเขตฉนวนกาซา หรือทำลายรัฐบาลฮามาส เพราะเป็นเป้าหมายที่สูงเกินไปและยังเป็นการเสี่ยงเกินไปเมื่อพิจารณาในแง่ของการหวังผลทางการเมือง เพราะจะมีการเลือกตั้งรัฐสภาอิสราเอลในวันที่ 10 ก.พ.ปีหน้า



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ