ธนาคารกลางจีนเปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายประจำไตรมาสสี่ ว่า ธนาคารกลางจะยังคงใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนปรนเพื่อให้ระบบการเงินสามารถฟื้นตัวขึ้นจนสามารถพยุงเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อไปได้ โดยจะดำเนินการควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพค่าเงินหยวนให้อยู่ในระดับสมดุลและสมเหตุสมผล ซึ่งการดำเนินการเหล่านี้จะทำควบคู่ไปกับการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการธนาคาร
ธนาคารกลางจีนเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ว่า ในปี 2552 ธนาคารจะให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพและพยุงเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย อีกทั้งจะใช้มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายภาคสาธารณะและใช้นโยบายผ่อนปรนทางการเงิน รวมถึงการลดอัตราดอกเบี้ย โดยมีเป้าหมายที่จะพยุงเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างยั่งยืน
สำนักข่าวซินหัว ไฟแนนซ์รายงานว่า จีนกำลังเผชิญกับความท้าทายอันหนักหน่วงในการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย แม้ว่าจีนจะสามารถฝ่าฟันกับวิกฤตการณ์ดังกล่าวได้ดีกว่าประเทศอื่นๆจนถึงขณะนี้ก็ตาม โดยข้อมูลในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาระบุว่า ยอดส่งออกประจำเดือนพ.ย.ของจีนร่วงลง 2.2% ซึ่งเป็นการร่วงลงครั้งแรกในรอบ 6 เดือนครึ่ง ขณะที่ยอดนำเข้าร่วงลงอย่างรุนแรงเนื่องจากความต้องการภายในประเทศชะลอตัวลง
ก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนได้เปิดเผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวนสำหรับปี 2552 และ 2553 เพื่อรับมือกับผลกระทบที่เกิดจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ซึ่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนยอมรับว่า จีนมีความท้าทายที่หนักหน่วงรออยู่ข้างหน้า โดยเฉพาะตัวเลขจีดีพีปี 2552 ที่มีแนวโน้มขยายตัวเพียง 5% จากปี 2551 ที่ขยายตัวถึง 11.9%
นอกจากนี้ จีนยังพยายามสกัดกั้นการแข็งค่าของเงินหยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้ส่งออกให้สามารถประคองตัวอยู่ได้ในยามที่เศรษฐกิจโลกถดถอย อย่างไรก็ตาม ณ วันสิ้นสุดของปี 2551 เงินหยวนแข็งค่าขึ้น 7.05% เมื่อเทียบกับดอลลาร์