ยูเครนได้ออกมาเตือนประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปว่า อาจจะเผชิญกับปัญหาอุปทานก๊าซขั้นรุนแรง หากยูเครนและรัสเซียยังไม่สามารถยุติความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการตกลงเรื่องราคานำเข้าก๊าซและหนี้สินที่ค้างชำระได้ในเร็ววันนี้
เจ้าหน้าที่ด้านพลังงานระบุว่า ปัญหาทางด้านเทคนิคอาจจะส่งผลกระทบต่อการลำเลียงก๊าซได้ ขณะที่หลายประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปก็ได้รายงานตัวเลขสำรองก๊าซที่ลดลง เพราะความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน จนทำให้บริษัท แก๊สพรอม (Gazprom) รัฐวิสาหกิจด้านพลังงานของรัสเซีย ได้ยุติการจัดส่งก๊าซให้กับยูเครนโดยสิ้นเชิงในช่วงเช้าวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา โดยโฆษกของแก๊สพรอมกล่าวว่า ทางบริษัทได้ยุติการจัดส่งก๊าซจำนวน 90 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งเท่ากับปริมาณการบริโภค 100% ของยูเครน
ประเทศโรมาเนีย ฮังการี โปแลนด์ และบัลแกเรีย ระบุว่า แรงดันในท่อส่งก๊าซของประเทศลดลงฮวบฮาบ หลังจากที่ แก๊สพรอม ได้ยกเลิกการส่งก๊าซให้ยูเครน โดยแก๊สพรอมชี้ว่า บริษัทไม่สามารถพึ่งพายูเครนในฐานะเส้นทางลำเลียงก๊าซไปยังกลุ่มประเทศอียูได้อีกต่อไปแล้ว และกำลังมองหาเส้นทางลำเลียงก๊าซในเส้นทางอื่นแทน
อเล็กซานเดอร์ เมดเดเวฟ รองประธานแก๊สพรอม กล่าวให้สัมภาษณ์กับบีบีซีว่า เขาหวังว่าประเทศในกลุ่มอียูจะสนับสนุนแนวคิดในเรื่องการย้ายเส้นทางลำเลียงดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม โฆษกกล่าวว่า แก๊สพรอมจะยังคงเดินหน้าจัดส่งก๊าซให้กับผู้บริโภคในยุโรปอย่างเต็มกำลังเท่าเดิม ที่ปริมาณ 300 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน
ทั้งนี้ อเล็กเซ มิลเลอร์ ประธานแก๊สพรอม กล่าววานนี้ว่า บริษัทจะยุติการจัดส่งก๊าซไปยังยูเครนโดยสิ้นเชิง ณ เวลา 10.00 น.วันนี้ตามเวลากรุงมอสโก หลังจากที่บริษัทและรัฐบาลยูเครนไม่สามารถตกลงกันได้เรื่องการชำระหนี้และการทำสัญญาฉบับใหม่สำหรับปี 2552
แก๊สพรอมกล่าวว่า ยูเครนติดหนี้บริษัทอยู่มากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากการนำเข้าก๊าซ ขณะที่ยูเครนกล่าวว่า ได้โอนเงิน 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐให้รัสเซียแล้ว แต่มิลเลอร์กล่าวว่า ตรวจสอบบัญชีของแก๊สพรอมแล้ว ไม่เห็นว่ามีการโอนเงินเข้าแต่อย่างใด