คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) เตรียมทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อเสนอให้รัฐบาลเร่งรัดออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และฟื้นฟูความเชื่อมั่น เนื่องจากเป็นห่วงยอดส่งออกจะชะลอตัว
นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธาน กกร. กล่าวว่า ที่ประชุมเตรียมทำหนังสือเสนอต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อเสนอวาระเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการ คือ การฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงเร่งออกมาตรการต่างๆ ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การเสริมสภาพคล่องในประเทศ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs), การจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือ SMEs, การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณกลางปี, การปรับลดภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT)
ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในช่วงปลายเดือน ม.ค.นี้จะมีการจัดงานดินเนอร์ทอล์ค โดยเชิญนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ มาพูดถึงนโยบายด้านเศรษฐกิจ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในประเทศ
ด้านนายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สอท.) กล่าวว่า ภาคเอกชนเป็นห่วงเรื่องภาคการส่งออกในปีนี้จะชะลอตัวลง โดยเฉพาะตลาดหลักอย่างสหรัฐ และญี่ปุ่น ที่อาจติดลบ แต่ในขณะเดียวกันตลาดใหม่อย่างตะวันกลาง เอเชีย ก็ยังขยายตัวได้ถึง 20% ทำให้การส่งออกปีนี้มีโอกาสที่จะขยายตัวได้ถึง 5% หรือมีมูลค่าประมาณ 1.8-1.9 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมถึงวาระการทำงานของรัฐบาลจะสามารถอยู่ได้นานแค่ไหน ซึ่งภาคเอกชนก็ต้องการให้รัฐบาลอยู่ให้นานที่สุดเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศ แต่คงต้องขึ้นอยุ่กับผลงานของรัฐบาลด้วย
ส่วนกรณีที่รัฐบาลจะชะลอหรือทบทวนการขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม(LPG) ภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม ทางภาคเอกชนเห็นด้วย เพราะหากปรับขึ้นก็จะส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายของประชาชนเพิ่มขึ้นทันที ซึ่งในภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปัจจุบัน รัฐบาลไม่ควรเพิ่มภาระให้กับประชาชน ส่วนภาคอุตสาหกรรมเห็นว่าก่อนที่จะขยับขึ้นราคา LPG จะต้องศึกษาต้นทุนที่แท้จริง เพื่อขยับราคาให้เหมาะสม เพราะหากราคา LPG ภาคอุตสาหกรรมปรับขึ้นก็จะทำให้ต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการสูงขึ้นตามไปด้วย
ขณะที่ 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤติเพื่อไทยทุกคน รัฐบาลควรใช้มาตรการนี้ต่อไปอีกอย่างน้อย 6 เดือน ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันได้ปรับตัวลดลงแล้ว แต่ภาวะเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น และในช่วงครึ่งปีหลังจึงทบทวนอีกครั้งหากภาวะเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น
ขณะที่ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า สินเชื่อภาพรวมในปีนี้จะขยายตัวประมาณ 5% ของเม็ดเงินทั้งระบบที่ประมาณ 6 ล้านล้านบาท หากเศรษฐกิจไทยขยายตัวในกรอบ 0-2% ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ โดยสาเหตุหลักที่สินเชื่อชะลอตัวเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้หลายๆ บริษัทชะลอการลงทุนลง
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าบางธนาคารไม่ปล่อยสินเชื่อนั้นก็ยอมรับว่ามีบ้างบางแห่งเพราะอาจมีความกังวลว่าอาจเป็นเอ็นพีแอล แต่ไม่ใช่ส่วนใหญ่ เพราะการปล่อยสินเชื่อถือเป็นหน้าที่หลักของสถาบันการเงิน