ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของบารัค โอบามา ขณะที่สกุลเงินยูโรได้รับแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรปจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์พุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 93.300 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 92.220 เยน/ดอลลาร์ และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ระดับ 1.4683 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.4523 ดอลลาร์/ปอนด์
ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.3573 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.3876 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.4683 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.4523 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.5878 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.5849 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้นแตะระดับ 0.7148 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.7102 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย
บาฟ ดานัค นักวิเคราะห์จากธนาคารวาโชเวียกล่าวว่า ดอลลาร์สหรัฐได้รับปัจจัยบวกจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล ที่รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของคณะทำงานบารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ว่า โอบามา กำลังผลักดันให้มีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงการลดหย่อนภาษีซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 40% ของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับที่โอบามาเรียกร้องให้สภาผู้แทนราษฎรผ่านร่างภายใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า
ทั้งนี้ คาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลโอบามาอาจมีวงเงินสูงถึง 7.75 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งจากงบประมาณจำนวนนี้จะถูกนำมาใช้ในมาตรการลดหย่อนภาษีมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ โดยแผนกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับนี้มีเป้าหมายที่จะเพิ่มตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคให้ได้กว่า 1.40 แสนล้านดอลลาร์ ผ่านมาตรการลดหย่อนภาษี โดยจะลดหย่อนภาษี 500 ดอลลาร์สำหรับบุคลทั่วไป และ 1,000 ดอลลาร์สำหรับคู่สมรส
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนพ.ย.ลดลง 0.6% แต่ยังลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทคาดว่าจะร่วงลง 1.3%