เจเนอรัล มอเตอร์ คอร์ป (จีเอ็ม) บริษัทผลิตยานยนต์ต่างชาติรายใหญ่สุดในจีน เผยยอดขายรถยนต์ในจีนขยายตัวเพียง 6% ในปี 2551 ซึ่งถือว่าโตน้อยสุดในรอบกว่า 6 ปี หลังขาดรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาด ในขณะที่ความต้องการยานยนต์ก็ลดลง
จีเอ็มและธุรกิจในเครือขายรถยนต์ได้ 1.09 ล้านคันในจีนเมื่อปีที่แล้ว หรือเพิ่มขึ้นเพียง 6% เทียบกับการขยายตัว 19% ในปี 2550 และเฉลี่ย 27% ในปี 2546-2549
ธุรกิจจำหน่ายรถยนต์โดยสารในเครือจีเอ็มมียอดขายลดลง 7% หลังถูกโฟล์คสวาเกน เอจี และ โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป แย่งส่วนแบ่งในตลาดด้วยการออกรถรุ่นใหม่ๆ ในขณะเดียวกันสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซาก็ทำให้ความต้องการยานยนต์ลดลงด้วย
จีเอ็มมีแผนเปิดตัวรถรุ่นใหม่อย่างน้อย 5 รุ่นในจีนภายในระยะเวลา 3 ปี เพื่อกระตุ้นยอดขาย ในขณะเดียวกันก็หวังกู้เงินจากรัฐบาลสหรัฐเพื่อรับมือกับอุปสงค์ยานยนต์ในสหรัฐที่ร่วงลงอย่างหนัก
"จีเอ็มกำลังลำบากในช่วงเวลาคาบเกี่ยวเช่นนี้ เนื่องจากรถยนต์เกือบทุกรุ่นที่ออกไปใกล้จะตกรุ่นเต็มทีแล้ว" เยล จาง ผู้อำนวยการ CSM Asia กล่าว "อย่างไรก็ตาม สถานการณ์น่าจะดีขึ้นในปีนี้หลังบริษัททำการปรับปรุงอะไรหลายๆอย่าง"
"แม้เราคาดการณ์ว่ายอดขายยานยนต์ในจีนจะยังทรงตัวในปีนี้ แต่เราเชื่อมั่นว่าจีนจะยังเป็นตลาดยานยนต์หลักของโลกที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วไปตลอด 10 ปีต่อจากนี้" เควิน เวล ประธานจีเอ็มประจำประเทศจีน กล่าวในแถลงการณ์ "จีเอ็มจะทำธุรกิจในเชิงรุกเพื่อครองตำแหน่งผู้นำในตลาดหลักอย่างจีนต่อไป"
ซ่ง เซียนเหมา เจ้าหน้าที่จากกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ยอดขายยานยนต์ทุกยี่ห้อในจีนมีแนวโน้มขยายตัวราว 5% แตะ 9.2 ล้านคันในปี 2551 ลดลงจากปี 2550 ซึ่งขยายตัวถึง 22% ส่วนยอดขายรถยนต์โดยสารในจีนคาดว่าจะขยายตัวราว 6% ในปีนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน